บริษัทยังตั้งเป้าหมายในปี 56 รายได้จะเติบโตกว่า 30% และกำไรเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยจะเร่งขยายตลาดส่งออกในอาเซียนเพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเป็น 15% ของรายได้รวม เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ต่างประเทศที่ 10%
นายธีระชัย ประสิทธิรัตนพนร กรรมการผู้จัดการ TMI เปิดเผยว่า รายได้ของบริษัทในช่วง 9 เดือนปีนี้เติบโตอยู่ที่ 70-80% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าทั้งปีจะเติบโต 30% และกำไรในปีนี้จะเติบโตในทิศทางเดียวกับปีที่แล้ว โดยในปี 54 บริษัทมีกำไรสุทธิ 20 ล้านบาท
บริษัทมองทิศทางไตรมาส 4/55 ผลการดำเนินงานจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้บริษัทจะเน้นความหลากหลายของสินค้าในกลุ่มโคมไฟและหลอดไฟ สินค้าที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ควบคุมแสงสว่างและหลอดไฟในระบบแสงสว่างอย่างครบวงจร คาดว่าคำสั่งซื้อจะยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และจะสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนการจ่ายเงินปันผลในปีนี้ นายธีระชัย กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปรูปแบบการจ่ายเงินปันผลในรูปแบบใด ต้องรอการพิจารณาอีกที แต่มีโอกาสการจ่ายเงินปันผลส่วนหนึ่งเป็นหุ้นปันผลเหมือนปีที่แล้ว เนื่องจากมีกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุน
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปี 56 นายธีระชัย คาดว่า รายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% และทิศทางของธุรกิจ รวมไปถึงการเติบโตของกำไรจะมีลักษณะคล้ายกับปีนี้ เนื่องจากมีการขยายโรงงานแห่งใหม่ที่น่าจะเดินเครื่องผลิตได้ภายในต้นปี 56 จากปัจจุบันอัตรากำลังผลิตอยู่ที่ 80% ของกำลังการผลิตทั้งหมด และคาดว่าเมื่อโรงงานแห่งใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้วจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีกเท่าตัว ตอบสนองคำสั่งซื้อที่เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีการขยายตัวของช่องทางการจัดจำหน่ายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Modern Trade ไทยวัสดุ และ Global House
บริษัทมีแผนใช้งบการลงทุนปีหน้าประมาณ 40 ล้านบาท เพื่อซื้อเครื่องจักรใหม่และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ พร้อมทั้งมีการลงทุนต่อเนื่อง 50-100 ล้านบาทเพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตหลอดไฟ LED ขายไลน์สินค้า หลังพบว่าแนวโน้มความต้องการมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบและกำหนดรายละเอียดคาดว่าจะชัดเจนภายใน 2 ปี
นายธีระชัย เปิดเผยอีกว่า ปัจจุบันสัดส่วนรายไก้การส่งออกอยู่ที่ 10% ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าในตะวันออกกลาง มีผลกระทบทางด้านการเมืองเกิดขึ้น ทำให้บริษัทเปลี่ยนมาขยายตลาดกลุ่มอาเซียนมากขึ้นเพื่อรองรับการเปิดประชาคมอาเซียน(AEC)ในปี 58 โดยตั้งเป้าปี 56 สัดส่วนรายได้จากการส่งออกเพิ่มเป็น 15% โดยจะขยายตลาดในเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย บริษัทฯเตรียมความพร้อมในด้านการกระจายสินค้าด้วยการตั้งตัวแทนจำหน่ายเพิ่มและมองหาตัวแทนในการกระจายสินค้าเพิ่มขึ้น
ขณะที่การขยายตลาดในประเทศพม่า ลาว และกัมพูชานั้น เป็นกลุ่มประเทศที่มีการส่งสินค้าเข้าไปจำหน่ายอยู่แล้ว บริษัทฯพยายามพัฒนาศักยภาพในประเทศเหล่านี้ให้เพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มจะเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและเร่งกระจายสินค้าเพิ่มปริมาณในแต่ละประเทศ