ในปีหน้าบริษัทจะให้ความสำคัญหลัก 2 เรื่อง คือ เร่งงานก่อสร้างและการขายในโครงการโนเบิล เพลินจิต มูลค่าโครงการ 1.5 หมื่นล้านบาท ขณะนี้ได้เริ่มงานก่อสร้างแล้ว น่าจะแล้วเสร็จใน 4 ปี นอกจากนี้จะให้ความสำคัญในการเปิด 3 โครงการคอนโดมิเนียมคุณภาพระดับสูง ในทำเลติดรถไฟฟ้า ซึ่งมั่นใจว่ามีการตอบรับที่ดี
บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปี 56 จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 7 พันล้านบาท ทำเลย่านรัชดา ทองหล่อ และสุขุมวิท ซึ่งขณะนี้มีที่ดินในมือพร้อมพัฒนาโครงการแล้ว โดยโครงการย่านรัชดาภิเษก ชื่อ Revolt อยู่ติดรถไฟฟ้าใต้ดิน ตรงข้ามศูนย์การค้าเอสพลานาด พร้อมกันนั้น บริษัทยังตั้งงบลงทุนราว 2 พันล้านบาท เพื่อจัดซื้อที่ดินในการพัฒนาโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดในปีหน้า ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) โดยจะเน้นการร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง จากการที่บริษัทมี know how, synergy และเงินทุน โดยมองทำเลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่อุดรธานี อุบลราชธานี ขอนแก่น ซึ่งยังมีที่ดินเป็นจำนวนมาก ส่วนภาคตะวันออก ยังเป็นพัทยา ชลบุรี และ ระยอง รวมทั้งมองทำเลเมืองตากอากาศทั้งหัวหิน ซึ่งมีบริษัทมีที่ดินติดชายทะเลเนื้อที่ 100 ไร่พร้อมพัฒนา และเขาใหญ่ที่พร้อมจับมือกับพันธมิตร คือ คีรีมายา ในการพัฒนาโครงการ
นายกิตติ กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้ชุดใหม่ในช่วงปลายไตรมาส 3/56 วงเงิน 1.5 พันล้านบาท อายุ 3 ปี จากก่อนหน้านี้มีการออกหุ้นกู้ไปแล้ว วงเงินรวม 3 พันล้านบาท อายุ 3 ปี ซึ่งการออกหุ้นกู้ ถือเป็นส่วนหนึ่งในการระดมเงินพัฒนาโครงการในอนาคตด้วย
กรณีโครงการโนเบิล ยูไนท์ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์ที่ชะงักโครงการ เนื่องจากเกิดปัญหาด้าน EIA หลังได้มีการเปลี่ยนกฎเกณณฑ์ใหม่ ไม่ได้เกิดปัญหาของบริษัท และโครงการดังกล่าวมีขนาดเนื้อที่เล็กเพียง 1 ไร่ ทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนแบบการก่อสร้าง ขณะนี้บริษัทจึงได้คืนเงินจองให้ลูกค้าทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ย และจะมีการเชิญลูกค้ามาจองโครงการใหม่อีกครั้งหลังผ่าน EIA แล้ว
ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่าการคืนเงินให้ลูกค้าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินของบริษัท และในอนาคตการพัฒนาโครงการใหม่ๆจะใช้พื้นที่ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อให้การพัฒนาโครงการทำได้ง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่อง EIA และหากจำเป็นต้องพัฒนาโครงการขนาดเล็ก ทำให้บริษัทต้องระมัดระวัง ต้องให้ผ่าน EIA ก่อนดำเนินการก่อสร้าง
นายกิตติ ยังกล่าวอีกว่า หลังการลาออกของนายธงชัย บุศราพันธ์ จากรองประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ NOBLE ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัท โดยตนเองจะเข้ามาดูแลงานแทน และไม่มีการเปลี่ยนแปลงการบริหารใดๆ แต่การทำงานจะเน้นการตลาดให้คมชัดมากขึ้น โดยปีหน้าจะหันมารุกธุรกิจ และ refresh แบรนด์ให้ชัดเจนขึ้น สร้างสินค้าและเกิดความชัดเจน สามารถจับต้องได้จริง หรือสร้างความหรูหราให้เกิดขึ้นจริง สร้างแรงบันดาลใจ เป็น full lifestyle และไม่ทำตามตลาด รวมถึงเปิดโอกาสผู้บริหารระดับสูงในบริษัทได้ทำงานกันเต็มที่