บริษัทคาดว่าในปี 55 จะรับรู้รายได้ประมาณ 1 พันล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่มีรายได้ 578.6 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้จะทยอยรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าโครงการโซลาร์ฟาร์มทั้งหมด 9 โครงการ รวมประมาณ 55 เมกะวัตต์ ได้แก่ โครงการที่ 1-5 รับรู้รายได้เต็มที่ตลอดทั้งปี ส่วนโครงการที่ 6-9 เปิดเดินเครื่องเมื่อเดือนมี.ค.-เม.ย.55
ขณะที่โครงการที่ 10-16 ที่จะเพิ่มเข้ามาอีก 52.22 เมกะวัตต์ในเดือน ธ.ค.55 นั้นจะไปรับรู้รายได้เต็มที่ในปีหน้า โดยจะทำให้กำลังการผลิตรวมเมื่อสิ้นปีนี้เพิ่มเป็น 107.22 เมกะวัตต์ จาก 16 โครงการ
ส่วนปี 56 คาดว่าโครงการที่ 17-20 จะเริ่มขายไฟฟ้าในไตรมาส 1/56 โครงการที่ 21-28 เริ่มขายไฟฟ้าในไตรมาส 2/2556 และโครงการที่ 29-34 จะเริ่มขายไฟฟ้าภายในไตรมาส 3/56
สำหรับโครงการที่ 35-36 ซึ่งเป็นโครงการที่ SPCG เข้าไปถือหุ้น 60% ในบริษัท Solar Power Asset ที่เป็นเจ้าของใบอนุญาตตั้งโซลาร์ฟาร์ม 2 แห่งและได้รับค่า adder ที่ 8 บาท/หน่วยนั้น Solar Power Asset ถือหุ้นในบริษัท AJ Tecnology 40% และบริษัท Tippaya narai ประมาณ 100% คาดว่าจะเริ่มขายไฟฟ้าได้ในไตรมาส 1/56 นอกจากนี้ยังมีส่วนต่อขยายโครฃการที่ 1-9 อีก 11.25 เมกกะวัตต์ ทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัทในปีหน้าเป็น 250 เมกะวัตต์