บริษัทตั้งงบลงทุนราว 6 พันล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้า(ปี 56 -60)เพื่อขยายกำลังการผลิตโรงแก้ว และกระดาษชำระในประเทศ
ส่วนการเข้าซื้อศูนย์กระจายสินค้าในเวียดนาม นายอัศวิน กล่าวว่า ขณะนี้ได้เจรจาได้ข้อสรุปแล้ว คาดขั้นตอนการชำระเงินต้นปีหน้า และหลังจากนี้คาดว่าสัดส่วนยอดขายสินค้าในเวียดนามจะเพิ่มขึ้นมากกว่าปัจจุบันที่มีอยู่ 10% ของรายได้รวม
นายอัศวิน กล่าวว่า การลงทุนใน 5 ปีข้างหน้า แบ่งเป็นโรงงานแก้วในไทยจะเพิ่มเตาหลอมเพิ่มอีก 3 เตา เป็นเงินลงทุน 4,500 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีกเตาละ 300-400 ตัน/วัน โดยคาดว่าจะเปิดเดินเครื่องได้ 1 เตาในปี 56 จากปัจจุบันกำลังการผลิตที่ 2,700 ตัน/วัน หรือเพิ่มขึ้น 10% และบริษัทมีแผนย้ายโรงงานผลิตขวดแก้วจากราษฎร์บูรณะไปที่ จ.สระบุรี ส่วนที่ดินโรงงานราษฏร์บูรณะจะประมูลขาย ซึ่งราคาประเมินอยู่ที่ 700-800 ล้านบาท
ในส่วนของโรงงานกระดาษชำระคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 1,500 ล้านบาท สำหรับซื้อเครื่องจักรเครื่องที่ 5 จากปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 45,000 ตัน/ปี
สำหรับศูนย์กระจายสินค้าในเวียดนามคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปี 56 ซึ่งจะช่วยสร้างยอดขายให้กับบริษัทอย่างมาก เพราะมีหลายศูนย์ จะช่วยต่อยอดธุรกิจในเวียดนาม และทำให้สัดส่วนรายได้จากสินค้าคอนซูมเมอร์ปีหน้าเพิ่มขึ้นเกินครึ่งตามแผนที่วางไว้ ส่วนธุรกิจค้าปลีกในไทยเนื่องจากไม่มีประสบการณ์และหลังจากประมูลร้านสะดวกซื้อในไทยไม่ได้ บริษัทก็จะหันไปทำในตลาดเอเชียทั้งเวียดนาม ลาว กัมพูชา และพม่าแทน