ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 106.98 จุด หรือ 0.83% ปิดที่ 12,985.11 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 10.99 จุด หรือ 0.79% ปิดที่ 1,409.93 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 23.99 จุด หรือ 0.81% ปิดที่ 2,991.78 จุด
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐลดลง 0.3% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบกับเดือนก.ย. สู่ระดับ 368,000 ยูนิต ขณะเดียวกันยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.ก็ถูกปรับลดลงเหลือ 369,000 ยูนิต จากเดิมที่รายงานว่าขายได้ถึง 389,000 ยูนิต ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งสัญญาณว่าการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยในสหรัฐยังไม่มั่นคง
แต่ตลาดเริ่มดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา หลังจากนายโบห์เนอร์กล่าวว่า เขามีมุมมองที่เป็นบวกว่าสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะสามารถหลีกเลี่ยงวิกฤตการณ์หน้าผาการคลังได้ในไม่ช้านี้ ขณะที่ประธานาธิบดีโอบามาได้แสดงความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลสหรัฐและสภาผู้แทนราษฎรจะสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลังได้ก่อนเทศกาลคริสต์มาส
การแสดงความคิดเห็นในด้านบวกของประธานาธิบดีโอบามาและประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นทันที หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดร่วงลง ภายหลังจากที่นายแฮร์รี รีด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐกล่าวว่า การเจรจาเพื่อจะช่วยให้สหรัฐหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง หรือ fiscal cliff นั้น แทบจะไม่มีความคืบหน้า ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าสหรัฐจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาวะการปรับลดค่าใช้จ่าย และการขึ้นภาษีวงเงินรวม 6 แสนล้านดอลลาร์โดยอัตโนมัติในต้นปีหน้า
หุ้นคอสโค โฮลเซล พุ่งขึ้น 6.3% หลังจากบริษัทวางแผนเพิ่มการจ่ายเงินปันผล ขณะที่หุ้นเจซี เพนนี ดีดตัวขึ้น 4.6% และหุ้นโคช อิงค์ พุ่งขึ้น 4.4% ส่วนหุ้นวอล-มาร์ท พุ่งขึ้น 1.5%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ โดยในเวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของจีดีพีไตรมาส 3/2555 และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ จากนั้นในเวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย สหรัฐจะเปิดเผยยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนต.ค.