นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ กรรมการผู้จัดการ BMCL กล่าวว่า เมื่อบริษัทได้รับงานเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงจะช่วยเพิ่มรายได้และจำนวนผู้โดยสาร คาดว่าผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วงปีแรกจะมีจำนวนราว 1.8 แสนเที่ยว/วัน และจะมีผู้โดยสารส่งผ่านมายังเส้นทางรถไฟฟ้าปัจจุบันอีกราว 7 หมื่นเที่ยว/วัน
ขณะที่จำนวนผู้โดยสารเส้นทางปัจจุบัน สายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางซื่อ ระยะทาง 20 กม.ดีขึ้นเป็นลำดับ จากปี 54 มียอดผู้โดยสาร 1.9 แสนเที่ยว/วัน โดยขณะนี้เพิ่มมาที่ 2.2 แสนเที่ยว/วัน
ดังนั้น จึงคาดว่าบริษัทจะ Breakevent และเริ่มมีกำไรในปี 59 ที่รถไฟฟ้าสายสีม่วงเริ่มให้บริการเดินรถ และเชื่อว่าอีก 5-6 ปี บริษัทน่าจะล้างขาดทุนสะสมที่มีประมาณ 1 หมื่นล้านบาทได้ทั้งหมด และอนาคคเมื่อมีเส้นทางรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นก็จะมีโครงข่ายครอบคลุมมากขึ้น ยิ่งจะทำให้จำนวนผู้โดยสารเข้าสู่ระบบรถไฟฟ้าที่บริษัทรับบริหารการเดินรถมากขึ้น และแนวโน้มรายได้ของยริษัทก็จะเติบโตตามจำนวนผู้โดยสาร
"เราคิดว่าสายสีม่วงเดินรถได้กลางปี 59. และสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ในปี 60 เราก็คิดว่าผู้โดยสารจะขึ้นไปถึง 4 แสนเที่ยว/วัน"นายชัยวัฒน์ กล่าว
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า บริษัทจะมีอัตรากำไร(มาร์จิ้น)จากการรับจ้างเดินรถสายสีม่วงประมาณ 10%
อนึ่ง โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง แบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 เป็นงานออกแบบ จัดหา ติดตั้ง ทดสอบ การทำงานของอุปกรณ์งานระบบรถไฟฟ้าและระบบอื่นๆที่เกี่ยวข้องรวมทั้งทดลองเดินรถไฟฟ้า โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 1,200 วันนับจากวันลงนาม มีมูลค่างาน 20,775 ล้านบาท และระยะที่ 2 เป็นงานให้บริการเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงรักษา มีระยะเวลาตั้งอต่วันที่เริ่มการให้บริการเดินรถจนสิ้นระยะเวลาตามสัญญาสัมปทาน โดย รฟม.จะชำระค่าบริการให้แก่บริษัทเป็นรานเดือน รวมผลตอบแทนทั้งสิ้น 59,590 ล้านบาท
นอกจากนั้น ที่ประชุมผู้ถือหุ้น BMCL ในวันนี้อนุมัตืให้บริษัททำสัญญาว่าจ้าง บมจ.ช การช่าง(CK)ป็นผู้บริหารโครงการ รวมถึงเป็นผู้จัดหา และติดตั้งอุปกรณ์งานระบบรถไฟฟ้าในโครงการสายสีม่วงในลักษณะจ้างเหมา รวมทั้งจัดหาแหล่งเงินทุนมูลค่าไม่เกิน 20,775 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าอุปกรณ์งานระบบ 14,364 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายทางการเงิน 6,411 ล้านบาท
โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงป็นโครงการทางรถไฟยกระดับ มีรถไฟฟ้าขนาด 3 ตู้ประกอบ จำนวน 21 ขบวน ระยะทาง 22 กม.และมี 16 สถานี ที่มีสถานีเตาปูนเป็นสถานีร่วมของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย