ส่วนไตรมาส 4/55 คาดว่า GIM จะอยู่ที่ราว 4-5 เหรียญ/บาร์เรล อ่อนตัวลงจากไตรมาส 3/55 ที่อยู่ในระดับ 7.6 เหรียญ/บาร์เรล เนื่องจากราคาน้ำมันผันผวนจากความไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปทำให้กระทบต่อความต้องการน้ำมันในตลาดโลก
นางสาวทอแสง ไชยประวัติ ผู้จัดการแผนกวางแผนการพาณิชย์ TOP กล่าวว่า สถานการณ์ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันในปีหน้ายังไม่ดีขึ้นมากนัก โดยเฉพาะในญี่ปุ่นที่มีการปิดโรงกลั่นน้ำมันไป แต่กิจการอะโรเมติกส์ที่อยู่ในขาขึ้นจะช่วยผลักดันกำไรให้สูงขึ้น ราคาพาราไซลีนจะเติบโตค่อนข้างดี เนื่องจากจีนมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้ความต้องการมีสูงขึ้น ขณะที่เบนซินจะดีขึ้นเช่นกัน เนื่องจากซัพพลายในตลาดหายไป
สำหรับราคาน้ำมันในปีหน้า คาดการณ์ว่าจะอ่อนตัวลงเล็กน้อยจากปีนี้ แม้จะคาดว่าความต้องการน้ำมันในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้น แต่กลุ่มนอกโอเปกมีแผนจะผลิตน้ำมันมากกว่าความต้องการที่ 1 ล้านบาร์เรล/วัน ทำให้กลุ่มโอเปกอาจจะผลิตน้ำมันลดลง เพื่อรักษาระดับราคาน้ำมันไม่ให้ต่ำลง
นางสาวทอแสง กล่าวอีกว่า บริษัทมองว่าการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) เป็นโอกาสของบริษัทในการขยายตลาดให้ใหญ่ขึ้น ขณะนี้มองโอกาสให้การขยายตลาดในเวียดนามและสิงคโปร์ เนื่องจากมัสำนักงานตั้งอยู่แล้ว รวมทั้งแนวทางที่จะร่วมมือกับทาง บมจ.ปตท.(PTT) ที่จะหาโครงการลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสในการส่งออกน้ำมัน โดยมองไปที่เวียดนามและอินโดนีเซีย ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาแผนการลงทุน เพราะจะต้องมีความสอดคล้องกับแผนงานของปตท.
อนึ่ง บริษัทตั้งงบลงทุน 5 ปี วงเงิน 1,700 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ได้รับการส่งเสริมกมรลงทุนจากบีโอไอทำให้สามารถลดงบลงทุนลงไปเหลือ 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งบริษัทวางแผนใช้งบลงทุนปีละ 300 ล้านเหรียญ ในการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นน้ำมัน ตั้งโรงไฟฟ้า IPP 2 แห่งขนาดแห่งละ 120 เมกะวัตต์ ขยายกำลังการผลิตพาราไซลีนเพิ่มเป็น 5 แสนตัน/ปี จาก 1 แสนตัน/ปี และขยายกำลังการผลิตโซลเวนท์เป็น 2 แสนตัน/ปี จาก 1 แสนตัน/ปี