"หลังจากได้รับใบอนุญาตฯอย่างเป็นทางการจาก กสทช. แล้ว จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จะเริ่มเดินหน้าธุรกิจ Pay TV ทันที เพราะบริษัทฯได้เตรียมความพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว"นายธนา กล่าว
การให้บริการแบบเสียค่ารับชมแบบจ่ายล่วงหน้า (Prepaid Pay TV) นี้ สมาชิกสามารถซื้อบัตรเติมเงินได้จากร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ ด้วย 2 แพคเกจ คือ Entertainment เพคเกจ ในราคา 200 บาทต่อเดือน และ Sport แพคเกจ ในราคา 300 บาทต่อเดือน หรือท่านที่ต้องการรับชมทั้งสาระบันเทิงและกีฬาก็มี Combo แพคเกจ ในราคาเพียง 450 บาทเท่านั้น
ทั้งนี้ Pay Channels จำนวน 11 ช่อง ประกอบด้วย Warner TV, Nat Geo Adventure, Nick Junior, GMM Club Channel, GMM Sport ONE, GMM Movie Channel, GMM Football Extra, Euro Sport(SD), Euro Sport(HD), GMM Sport Two(SD), GMM Sport Two(HD)
เป็นช่องสาระบันเทิง จำนวน 5 ช่อง ที่สามารถรับชมได้ทุกเพศทุกวัย และช่องกีฬา จำนวน 6 ช่อง ซึ่งจะได้รับชมลีกฟุตบอลระดับโลก ทั้ง Bundesliga(เยอรมัน) Ligue 1(ฝรั่งเศส) J.League (ญี่ปุ่น) nPower Championships (อังกฤษ) Argentina League (อาร์เจนติน่า) และ Football Brasil (บราซิล) โดยทั้ง 11 ช่องนี้เป็นการซื้อลิขสิทธิ์มาจากผู้ออกอากาศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ส่วน Free to box จำนวน 3 ช่อง ประกอบด้วย GMM Theater , Nat GEO Wild (SD & HD) และ GMM Sport Extra ซึ่งทุกคนสามารถรับชมได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย โดยจะสามารถรับชมได้จากกล่อง GMM Z เท่านั้น
ขณะที่ นายฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด กล่าวว่า ด้วยฐานผู้ชมโทรทัศน์ดาวเทียมจากยอดขายกล่อง GMM Z ประมาณหนึ่งล้านกล่องใน 9 เดือนที่ผ่านมา ทำให้จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ มั่นใจว่าในปี 2556 บริษัทฯจะมีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจบรอดแคสติ้งได้อย่างมีนัยสำคัญ