ดัชนี Stoxx 600 ลดลง 0.2% ปิดที่ 275.78 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นอังกฤษลดลง 3.48 จุด หรือ 0.06% ปิดที่ 5,866.82 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีขยับขึ้น 4.54 จุด หรือ 0.06% ปิดที่ 7,405.50 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสร่วงลง 11.60 จุด หรือ 0.33% ปิดที่ 3,557.28 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายผู้บริโภคประจำเดือนต.ค.ปรับตัวลดลง 0.2% ทำสถิติร่วงลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน เนื่องจากการขยายตัวของรายได้หยุดชะงัก และจากผลกระทบของพายุเฮอริเคนแซนดี้ที่พัดถล่มสหรัฐเมื่อปลายเดือนต.ค.ที่ผ่านมา
นักลงทุนจับตาดูการเจรจาระหว่างทำเนียบขาวและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในเรื่องแนวทางการหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาทางการคลัง (fiscal cliff) ของสหรัฐ โดยในขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาเดินทางไปยังเพนซิลเวเนีย เพื่อผลักดันแนวทางลดยอดขาดดุลโดยการปรับขึ้นภาษีคนร่ำรวยนั้น นายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าวว่า การเจรจากับทำเนีบบขาวเพื่อเลี่ยงหน้าผาทางการคลังแทบไม่มีความคืบหน้า
หุ้นธนาคารบังเกียของสเปนร่วงลง 25% ขณะที่หุ้นแบงก์ ออฟ ไอร์แลนด์ ร่วงลง 5.1% และหุ้นเนชันแนล แบงก์ ออฟ กรีซ ดิ่งลง 5%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มรถยนต์ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นพอร์ช พุ่งขึ้น 2.3% และหุ้นไครส์เลอร์ ปรับตัวขึ้น 2.7%
หุ้นผู้จำหน่ายสินค้าหรูหราก็ปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน โดยหุ้น LVMH Moet Hennessy Louis Vuitton พุ่งขึ้น 1.3% หลังจากนักวิเคราะห์ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว ขณะที่หุ้น Christian Dior SA (CDI) ปรับตัวขึ้น 1.9% และหุ้น Cie. Financiere Richemont เพิ่มขึ้น 1.7%