แนวโน้มสินค้า IT จะกลับมาดีขึ้นในปีหน้า โดยมีปัจจัยมาจากผู้ผลิตโน้ตบุ๊คจะหันมาผลิตแท็บเล็ตเพิ่มขึ้นประมาณ 3-4 ค่าย และสินค้ามีราคาถูกลงเพื่อเจาะตลาดกลุ่มเด็กประถมและมัธยมหรือตลาดล่าง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการแจกแท็บเล็ตเด็กป.1 ของรัฐบาล ทำให้ตลาด accessory ของแท็บเล็ตขยายตัวตามไปด้วย
ส่วนการเปิดตัวระบบปฏิบัติการ window 8 ในช่วงปลายปีนี้ ส่งผลกระตุ้นยอดโน้ตบุ๊คที่ปีนี้มีการชะลอตัวจากการรอเปลี่ยนระบบปฏิบัติ window รวมไปถึงสมาร์ทโฟนที่ใช้ window 8 อย่างเช่น Nokia ที่มีกระแสตอบรับดีในช่วงปลายปี 55 ซึ่งจะทำให้ยอดขายของโน้ตบุ๊คกลับมาดีขึ้นในปีหน้า
แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ว่า มีทิศทางเติบโตดีขึ้น เนื่องจากในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ มีการเปิดตัวซอฟต์แวร์ Windows 8 ลงสร้างมิติใหม่ให้คนใช้ พีซี คอมพิวเตอร์ และโน้ตบุ๊ค อย่างเป็นทางการ จึงกระตุ้นให้ทั้งตลาดโน้ตบุ๊คและพีซี เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งส่งผลดีต่อบริษัทฯ ในฐานะตัวแทนจำหน่ายโน้ตบุ๊ครายใหญ่ของประเทศไทยให้เติบโตไปในทิศทางเดียวกันด้วย นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้รับอานิสงส์จากการประมูลใบอนุญาต 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz ซึ่งจะส่งผลให้ยอดขายสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตคึกคัก และเชื่อว่ายอดขายสินค้าดังกล่าวจะเติบโตต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า
"คาดว่าในไตรมาส 4/2555 ซินเน็คฯ จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3/2555ได้ และมั่นใจว่าจะเติบโตมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนด้วย หลังจากที่ภาพรวมอุตสาหกรรมไอทีในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตขึ้น จากการเปิดตัวซอฟต์แวร์ Windows 8 และความชัดเจนของการประมูลคลื่น 3G รวมไปถึงการจัดงานมหกรรมสินค้าไอทีครั้งยิ่งใหญ่ส่งท้ายปีกับงาน “Commart Comtech 2012" ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งได้กระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคให้กลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง ซึ่งส่งผลดีต่อซินเน็คฯ อย่างชัดเจน และคาดว่าผลประกอบการในปีนี้จะเติบโตไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกธุรกิจไอทีจะชะลอตัวลงตามการชะตัวของภาวะเศรษฐกิจก็ตาม" นายสุพันธุ์ กล่าว
ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 3/55 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 128.51 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.19 บาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 54 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 41.16 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 47.13 และเมื่อเทียบกับงบการเงินรวมในไตรมาส 2/55 คิดเป็นการเติบโต 48.37 ล้านบาท หรือร้อยละ 60.35 ทั้งนี้สาเหตุหลักคือ การลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ดี และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 49.24 ล้านบาท ในขณะที่ปีก่อนมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 17.07 ล้านบาท
บริษัทมีแผนจะเปิดสาขาต่างประเทศในปีหน้าทั้งในพม่าและกัมพูชา ซึ่งคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ครึ่งแรกของปี 56 และน่าจะทำรายได้ในปีแรกราว 300 ล้านบาท และบริษัทตั้งเป้ามีรายได้ต่างประเทศเพิ่มเป็น 1 พันล้านบาทภายใน 3 ปีข้างหน้า โดยบริษัทได้เตรียมเงินลงทุนในปี 56 ราว 50-60 ล้านบาท ส่วนใหญ่ใช้ในการขยายสาขาต่างประเทศ และอีกส่วนหนึ่งจะใช้ในการพัฒนาด้านซอฟท์แวร์
สำหรับการขยายสาขาในพม่าเป็นรูปแบบการร่วมลงทุนทุน คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ไตรมาส 1/56 ส่วนสาขาที่กัมพูชาบริษัทฯจะเข้าไปลงทุนเอง คาดว่ารับรู้รายได้ภายในไตรมาส 2/56