ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 59.98 จุดหลังภาคการผลิตสหรัฐหดตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 4, 2012 06:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (3 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐเผยดัชนีภาคการผลิตหดตัวลงในเดือนพ.ย. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่าสหรัฐจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลังได้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 59.98 จุด หรือ 0.46% ปิดที่ 12,965.60 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 6.72 จุด หรือ 0.47% ปิดที่ 1,409.46 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 8.04 จุด หรือ 0.27% ปิดที่ 3,002.20 จุด

ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงหลังจากสถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 49.5 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 51.7 ในเดือนต.ค. บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐกลับเข้าสู่ภาวะหดตัวอีกครั้งหลังจากที่ขยายตัวติดต่อกันสองเดือน เนื่องจากดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งเป็นเส้นแบ่งระหว่างการขยายตัวและหดตัว

ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย.ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2552 โดยภาคการผลิตที่กลับมาหดตัวลงในเดือนที่แล้วมีสาเหตุมาจากซูเปอร์สตอร์มแซนดี และความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะหน้าผาการคลังที่อาจส่งผลให้มีการขึ้นภาษีและลดงบประมาณรายจ่ายโดยอัตโนมัติในเดือนม.ค. ประกอบกับยอดสั่งซื้อใหม่และการจ้างงานในภาคการผลิตที่ลดลง

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตากกังวลเกี่ยวกับภาวะหน้าผาการคลังของสหรัฐ ขณะที่นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐกล่าวให้สัมภาษณ์ CNN ว่า รัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องงบประมาณ หากไม่ปล่อยให้มาตรการลดภาษีสำหรับคนร่ำรวยหมดอายุลงตามกำหนด พร้อมกับกล่าวว่า การลดภาษีสำหรับครัวเรือนร่ำรวยซึ่งมีรายได้กว่า 250,000 ดอลลาร์ต่อปีนี้ ทำให้สหรัฐต้องแบกรับต้นทุนกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์มาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว

ทั้งนี้ สหรัฐจะเผชิญกับมาตรการปรับขึ้นภาษีและการลดการใช้จ่ายวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค.ปีหน้า นอกเสียจากว่าสภาคองเกรสจะสามารถตกลงกันได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยที่ผ่านมานั้น พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากเกี่ยวกับการลดหนี้สาธารณะซึ่งอยู่ที่ราว 16.2 ล้านล้านดอลลาร์

หุ้นกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบร่วงลงหลังจากภาคการผลิตสหรัฐหดตัวลงในเดือนพ.ย. โดยหุ้นดูปองท์ ดิ่งลง 1.7% หุ้นนิวมอนท์ ไมนิ่ง กรุ๊ป ร่วงลง 3%

ขณะที่หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงเช่นกัน นำโดยหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ส ร่วงลง 3.8%

ขณะที่หุ้นเดลล์ อิงค์ พุ่งขึ้น 4.4% หลังจากโกลด์แมนแซคส์ ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเดลล์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ