เนื่องจากบริษัทฯได้มีการออกแคมเปญใหม่ ๆ ออกมาเพื่อกระตุ้นยอดใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯได้เตรียมงบการตลาดไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาทสำหรับปีหน้า นอกจากนี้บริษัทฯยังมีการจับมือกับพันธมิตรเพื่อร่วมกันทำธุรกิจอีกด้วย
“ปีหน้า(2556)บริษัทฯจะให้ความสำคัญกับพันธมิตรมาก โดยจะต้องมีการจับมือกับพันธมิตรมากขึ้น ทั้งในและต่างประเทศ อย่างที่ทำอยู่ก็มีพันธมิตรในประเทศ อย่างเมเจอร์ฯ, แมคโดนัล ส่วนต่างประเทศก็มี JCB ซึ่งก็จะเห็นกิจกรรมต่าง ๆ มากขึ้น"นายระเฑียร กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KTC กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้(2555)บริษัทฯคาดว่าจะเติบโตดีขึ้น เนื่องจากบริษัทฯได้มีความตั้งใจที่จะลดต้นทุนลง จึงได้มีการปรับระบบการทำงาน รวมถึงปรับปรุงระบบการจัดเก็บเงิน รวมถึงการเอา Outsource กลับเข้ามาจัดการเอง
สำหรับกรณีที่แบงก์ชาติแสดงความกังวลถึงเรื่องการจัดทำแคมเปญ แจกของเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายนั้น นายระเฑียร กล่าวว่า สิ่งที่แบงก์ชาติพูดไม่ใช่หมายถึงบัตรเครดิต และแคมเปญของบริษัทฯไม่ได้กระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย แต่เป็นการล้างหนี้ ดังนั้นแคมเปญของบริษัทจึงน่าจะเป็นเรื่องที่แบงก์ชาติให้การสนับสนุนมากกว่า เพราะเราได้ให้ประโยชน์ต่อผู้ถือบัตร
“แคมเปญของเราไม่ได้ลด แลก แจก แถม ถ้าใครกู้แน่นอนต้องจ่ายดอกเบี้ย เพียงแต่กู้เราอาจจะจ่ายน้อยหน่อย จากที่มีลดดอกเบี้ยให้ ซึ่งเราอยากเห็นคนหมดหนี้ หรือหนี้ลดลง วันนี้พอร์ตของบริษัทฯ active เยอะมาก เพราะส่วนใหญ่ปัจจุบันเราจะเป็นพอร์ตที่มีลูกค้าใช้จ่าย"
ด้านนายชุติเดช ชยุติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส สายงานคอร์ปอเรท ไฟแนนซ์ KTC กล่าวว่า ในปีหน้า(2556)บริษัทฯมีหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดประมาณ 13,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทคงจะออกหุ้นกู้ระยะสั้น โดยจะมีการรีไฟแนนซ์บางส่วน อัตราดอกเบี้ยก็ประมาณ 5.1-5.2% บางส่วนจะออกเป็นหุ้นกู้ระยะยาว แต่จะออกอย่างไรต้องดูสภาพตลาดก่อน และดูความเหมาะสมในส่วนของอัตราดอกเบี้ยด้วย ซึ่งคาดว่าจะออกหุ้นกู้ได้ในช่วงกลางปีไปแล้ว
ปีนี้(2555)หลังจากที่บริษัทฯได้ปรับเปลี่ยนระบบต่าง ๆ ทำให้การบริหารจัดการต้นทุนลดได้ถึง 3% โดยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯได้ล้างขาดทุนแล้ว จากเมื่อไตรมาส 1/55 บริษัทฯได้ขาดทุน 150 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะน้ำท่วมเมื่อปลายปี 2554 แต่ 9 เดือนปีนี้มีกำไร 62 ล้านบาทแล้ว ดังนั้นปีนี้จึงคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯจะพลิกเป็นกำไรได้
สำหรับตัวเลข NPL ของบริษัทฯในปี 2555 น่าจะยังอยู่ในระดับที่ไม่สูงเกินระดับอุตสาหกรรม โดยเฉพาะสินเชื่อส่วนบุคคลจะเห็นหนี้เสียได้ปรับตัวลดลงตลอด และยังไม่มีสัญญาณที่น่ากังวลกัน โดยตัวเลข NPL ของบริษัทฯอยู่ในระดับ 2.77% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่มี 3.04% ดังนั้นในปี 2556 การตั้งสำรองฯคงจะอยู่ในระดับเดิม เพราะภาพรวมของพอร์ตสินเชื่อยังดีอยู่
ส่วนนายปิยศักดิ์ เตชะเสน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์และช่องทางจัดจำหน่าย KTC กล่าวว่า ตั้งแต่ปลายไตรมาส 3/55 จนถึงต้นไตรมาส 4/55 บริษัทฯมีการออกแคมเปญทุกอาทิตย์ และที่ผ่านมาก็ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรทำให้ยอดการใช้จ่ายดีขึ้นมาก ยอดลูกค้าก็ดีขึ้นด้วย
น.ส.สุดาพร จันทร์วัฒนากุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจสินเชื่อบุคคล KTC กล่าวว่า บริษัทฯตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อในปีหน้า(2556)ไว้ที่ 8% หรือคิดเป็น 14,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 2555 ที่คาดว่าสินเชื่อจะเติบโต 5% หรือคิดเป็น 13,000 ล้านบาท จากปี 2554 โดยยอดสินเชื่อสิ้นดือนต.ค.มีจำนวน 12,185 ล้านบาท
“ทุกวันนี้ตลาดสินเชื่อมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง โดยตลาดสินเชื่อทั้งอุตสาหกรรมมี 239,000 ล้านบาท และ KTC ก็มีมาร์เก็ตแชร์ 5.3% โดยบริษัทฯมีลูกหนี้ 613,000 ราย"น.ส.สุดาพร กล่าว