"มองว่าการไปลงทุนต่างประเทศจะเป็นผลดีต่อบริษัท แต่อาจจะไม่ได้เห็นผลชัดเจนเร็วมากนัก คงจะค่อยๆเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และจะทำให้บริษัทเติบโตรองรับ AEC อีกด้วย ซึ่งจะเป็นส่วนให้บริษัทขยายตัวได้เพิ่มอีก ปัจจุบันในประเทศบริษัทจะโตไปได้ในอีก 5 ปี และจะเต็มในทุกจังหวัด จึงมีการขยายตัวไปในต่างประเทศเพื่อรองรับให้บริษัทขยายได้ต่อหลังจาก 5 ปีไปแล้ว"นางสาวปัฐมา กล่าว
ส่วนในปีนี้บริษัทคาดว่ายอดสินเชื่อจะสูงขึ้นมาที่ 8.7 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเนื่องในวาระโอกาสที่เปิดดำเนินการครบ 40 ปี ด้วยงบประมาณ 40 ล้านบาท ทำให้ยอดสินเชื่อเพิ่มขึ้นมากกว่าการเติบโตของตลาดรถจักรยานยนต์ โดยบริษัทปรับเป้าหมายการเติบโตเป็น 15%
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ จาก ณ สิ้นปี 54 บริษัทมีมูลค่าสินเชื่อ 7,576 ล้านบาท และต้นปี 55 ตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 10% มาที่ 8.3 พันล้านบาท เนื่องจากการฟื้นตัวของตลาดรถจักรยานยนต์อย่างมีเสถียรภาพ ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นฟูภาคการผลิตหลังน้ำท่วมได้เสร็จสมบูรณ์ภายในระยะเวลาอันสั้น ทำให้ค่ายรถจักรยานยนต์สามารถเปิดตัวรถรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดได้เป็นจำนวนมาก เป็นการกระตุ้นความต้องการของตลาด
สำหรับกำไรปีนี้โตกว่าปีก่อน เนื่องจาก 9 เดือนแรกของปีนี้มีกำไรแล้วกว่า 510 ล้านบาท จากในปี 54 มีกำไร 625 ล้านบาท
นายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ TK กล่าวว่า บริษัทจะยังคงรักษาอัตราเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ในปี 56 โดยผู้บริหารต้องบริหารการคาดหวังของตลาดและผู้ถือหุ้นให้เป็นไปตามสภาพความเป็นจริงที่คณะผู้บริหารจะมั่นใจว่าจะทำได้ เราจะไม่สร้างการคาดหวังที่เกินความจริงหรือเกินความสามารถ TK จะปรับเป้าหมายการเจริญเติบโตตามสภาพความเป็นจริง ถ้าเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ดีขึ้น TK จะขยับเป้าใหม่เพื่อความเหมาะสม
ทั้งนี้ ตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วง 10 เดือนแรก มียอดขายทั้งสิ้น 1.8 ล้านคัน และมั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะสามารถแตะระดับ 2.15 ล้านคัน เป็นอย่างน้อยได้แน่นอน ถือเป็นการสร้างสถิติยอดขายใหม่ของตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ในปีหน้านั้นเชื่อว่าตลาดจะยังโตต่อไปอีกไม่ต่ำกว่า 5%