ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการลงทุนในบริษัท เง็กเซ่งเชียงเม็ททอล จำกัด โดยเข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมด จำนวน 2.3 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 10.7.37 บาท รวมเป็นราคาซื้อหุ้นไม่เกิน 246.96 ล้านบาท โดยบริษัทจะชำระค่าหุ้นทั้งหมดเป็นหุ้นสามัญออกใหม่ของบริษัท ในราคาหุ้นละ 3.92 บาท กำหนดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 21 ม.ค.56
อนึ่ง เง็กเซ่งเชียงฯ เป็นธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายทั้งค้าส่งและค้าปลีก โลหะและอโลหะประเภทต่างๆ ประกอบด้วย ทองแดง ทองเหลือง อะลูมิเนียม และสเตนเลสสตีล โดยมีฐานลูกค้าทั้งหมดอยู่ในประเทศไทย ได้แก่ ร้านค้าปลีก โรงงานอุตสาหกรรม ผู้รับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น ในงวดบัญชีปี 54 (ปิดงวด ณ วันที่ 31 มี.ค.55 ) มีรายได้ 1,036 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิหลังหักภาษี 44 ล้านบาท
นายประสาน กล่าวว่า สาเหตุที่เข้าไปซื่อกิจการเง็กเซ่งเชียงฯ เนื่องจากมองว่าเป็นธุรกิจที่มาเสริมกันในลักษณะการแตกไลน์ธุรกิจใหม่ และเสริมกลุ่มลูกค้าใหม่ให้กับบริษัท หากมีการร่วมธุรกิจแล้วจะเสริมให้บริษัทมีผลิตภัณฑ์ใหม่มานำเสนอให้กับลูกค้า เพราะบริษัทมีความเชี่ยวชาญด้านตลาดอยู่แล้ว ขณะทีเง็กเซ่งเชียงฯ ก็มีตลาดของตัวเองอยู่แล้ว เป็นส่วนช่วยเสริมกัน
ทั้งนี้ หลังจากการซื้อกิจการเง็กเซ่งเชียงฯ จะส่งผลให้ค่า DE ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 1-1.1 เท่าในปี 56 จากที่ปัจจุบันมีค่า DE อยู่ 0.7 เท่า
นายประสาน เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปีหน้าเติบโตขึ้น 10-15% จากการที่มองว่าปีหน้าอุตสาหกรรมยานยนต์ยังจะโตอย่างต่อเนื่อง และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะเติบโตขึ้นอีก ซึ่งขณะนี้บริษัทคำสั่งซื้อ(ออร์เดอร์)ในมือล่วงหน้าไปถึง 6 เดือนแรกของปี 56 แล้ว และมองว่าปีหน้าการจัดงานมอเตอร์โชว์ช่วงต้นปีจะทำให้บริษัทมีโอกาสได้รับออร์เดอร์เพิ่มเติมอีกจากยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น
ส่วนผลประกอบการของปีนี้บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตขึ้นเป็น 2.5 พันล้านบาท จากปี 54 ทำรายได้ 2.28 พันล้านบาท โดยผลประกอบการในปีก่อนได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และบริษัทคาดว่าในปีนี้อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 11.50% จากที่ปีก่อนอยู่ที่ 10.94%