หุ้นสหรัฐขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ๆหลังจากที่ตัวเลขภาคการผลิตของสหรัฐเมื่อวานนี้ออกมาน่าผิดหวัง ขณะที่การหารือด้านงบประมาณของสหรัฐก็ส่อเค้าถึงความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้น
สถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยวานนี้ว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 49.5 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 51.7 ในเดือนต.ค. บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐกลับเข้าสู่ภาวะหดตัวอีกครั้งหลังจากที่ขยายตัวติดต่อกันสองเดือน และดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย.ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2552
นอกจากนี้ ตลาดยังเผชิญกับปัจจัยลบหลังจากที่ทำเนียบขาวได้ปฏิเสธข้อเสนอการหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง "fiscal cliff" ของพรรครีพับลิกัน โดยกล่าวว่า ข้อเสนอของรีพับลิกัน "ไม่ได้ช่วยให้งบประมาณอยู่ในภาวะสมดุล"
สหรัฐจะเผชิญกับมาตรการปรับขึ้นภาษีและการลดการใช้จ่ายวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค.ปีหน้า นอกเสียจากว่าสภาคองเกรสจะสามารถตกลงกันได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยที่ผ่านมานั้น พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากเกี่ยวกับการลดหนี้สาธารณะซึ่งอยู่ที่ราว 16.2 ล้านล้านดอลลาร์
นักวิเคราะห์คาดว่าความกังวลเกี่ยวกับภาวะหน้าผาทางการคลังของสหรัฐจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อตลาดไปจนถึงสิ้นปีนี้ ตราบใดที่ยังไม่มีการบรรลุข้อตกลงใดๆ