ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 13.82 จุด หรือ 0.11% ปิดที่ 12,951.78 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 2.41 จุด หรือ 0.17% ปิดที่ 1,407.05 จุด ดัชนี Nasdaq ลดลง 5.51 จุด หรือ 0.18% ปิดที่ 2,996.69 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซาเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาการคลังของสหรัฐ หลังจากทำเนียบขาวได้ปฏิเสธข้อเสนอการหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง "fiscal cliff" ของพรรครีพับลิกัน โดยกล่าวว่า ข้อเสนอของรีพับลิกันไม่ได้ช่วยให้งบประมาณอยู่ในภาวะสมดุล นอกจากนี้ ข้อเสนอดังกล่าวยังเป็นเพียงคำมั่นสัญญาที่จะลดภาษีให้กับคนร่ำรวย และเก็บภาษีอย่างเข้มงวดกับชนชั้นกลาง
ด้านนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐว่า รัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องงบประมาณ หากไม่ปล่อยให้มาตรการลดภาษีสำหรับคนร่ำรวยหมดอายุลงตามกำหนด พร้อมเปิดเผยว่า การลดภาษีสำหรับครัวเรือนร่ำรวยซึ่งมีรายได้กว่า 250,000 ดอลลาร์ต่อปีนี้ ทำให้สหรัฐต้องแบกรับต้นทุนกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์มาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว
ตลาดวิตกกังวลว่าสหรัฐจะเผชิญกับมาตรการปรับขึ้นภาษีและการลดการใช้จ่ายวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค.ปีหน้า นอกเสียจากว่าสภาคองเกรสจะสามารถตกลงกันได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยที่ผ่านมานั้น พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากเกี่ยวกับการลดหนี้สาธารณะซึ่งอยู่ที่ราว 16.2 ล้านล้านดอลลาร์
หุ้นอินเทลพุ่งขึ้น 2.2% ขณะที่หุ้นเมโทรพีซีเอส คอมมูนิเคชัน ดิ่งลง 7.5%