บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 56 เติบโต 30% ไปที่ 550 ล้านบาท จากปีนี้คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 424 ล้านบาท โดยยอดขายในปีหน้าจะแบ่งเป็นการรับรู้รายได้จาก"เฟลทเชอร์"ราว 120 ล้านบาท อัลลอยด์ 140 ล้านบาท และยิปซัม 240 ล้านบาท ส่วนอีก 50 ล้านบาท จะเป็นการรับรู้รายได้จากบริษัทย่อยที่รับติดตั้งยิปซัม ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯมาจากยิปซัม 45% อัลลอยด์ 35% และเฟลทเชอร์ 20%
ในปีหน้าบริษัทยังตั้งงบลงทุนประมาณ 40 ล้านบาท โดยจะใช้ตั้งบริษัทย่อย คือ บริษัท เฟลทเชอร์ เอเชีย จำกัด ประมาณ 30 ล้านบาท และใช้ลงทุนในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 10 ล้านบาท
พร้อมกันนั้น บริษัทยังตั้งเป้ายอดขายอีก 3 ปีข้างหน้า เติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 30% หรือมียอดขายแตะ 1 พันล้านบาทในปี 58
นายสัญชัย เปิดเผยว่า ล่าสุด บริษัทได้เซ็นสัญญาขายระบบประตูหน้าต่าง"เฟลทเชอร์"ในโรงแรมทอสคานา มูลค่าประมาณ 6 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มทยอยส่งมอบงานตั้งแต่ธ.ค. 55 จนถึงไตรมาส 1/56 บาท และมีแนวโน้มจะได้รับงานในเฟสอื่น ๆ ของทอสคานาในอนาคต เช่น โครงการบ้านพักตากอากาศ ซึ่งมีราคาสูงถึง 1 ล้านบาท/หลัง ซึ่งบริษัทคาดว่าอาจจะได้รับงานในส่วนนี้ด้วย
บริษัทคาดว่าในปีหน้า"เฟลทเชอร์"จะทำยอดขายเติบโตเป็นกว่า 120 ล้านบาท เป็นผลมาจากฐานการผลิตในไทยมียอดการส่งมอบในลักษณะ Owner Supply ที่มาเลเซียราว 3-5 ล้านบาท/เดือน และในไทยอีก 2 รายที่ชลบุรีประมาณ 3-5 ล้านบาท/เดือนเช่นกัน โดยยอดขาย"เฟลทเชอร์"ในช่วงไตรมาส 4/55 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 20 ล้านบาท จาก 3 ไตรมาสที่ผ่านมาทำยอดขายได้ 20 ล้านบาท รวมทั้งปี 55 น่าจะอยู่ที่ประมาณ 40 ล้าน
ทั้งนี้ บริษัทฯได้มีการจัดตั้งบริษัทย่อยขึ้นมา ชื่อว่า เฟลทเชอร์ เอเชีย ทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท ซึ่งจะเข้ามาดูแลระบบประตูหน้าต่าง และรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จะทำให้ยอดขาย"เฟลทเชอร์"เพิ่มขึ้น และขยายตลาดไปในประเทศพม่าและกัมพูชา