สำหรับปี 56 ตั้งเป้ารายได้เติบโตแบบก้าวกระโดดที่ 25-30% จากปีนี้ที่คาดว่ามีรายได้กว่า 900 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิปีหน้าจะเติบโตในทิศทางเดียวกับรายได้ โดยรายได้ในปีหน้ามาจากโครงการแยกก๊าซที่ จ.สุโขทัย ราว 130-150 ล้านบาท และโครงการผลิตก๊าซชีวภาพอัดความดันสูงจากมูลสุกรและพืชพลังงาน (CBG) 2 แห่ง ที่รับรู้รายได้ 60 ล้านบาท/แห่ง ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากธุรกิจเดิม
ส่วนปี 55 ยอมรับว่ารายได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1 พันล้านบาท เนื่องจากไม่สามารถส่งมอบสินค้าได้ทันจากปัญหาการขนส่ง ทำให้ต้องเลื่อนส่งมอบไปปีหน้า แต่แม้รายได้จะไม่เติบโตแต่ไม่ได้กระทบกำไร โดยหวังว่ากำไรสุทธิปีนี้จะแตะ 130 ล้านบาทได้ จากช่วง 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิแล้ว 102 ล้านบาท และไตรมาส 4/55 คาดกำไรสุทธิใกล้เคียงไตรมาส 3/55 ที่ 30 ล้านบาท ส่งผลกำไรปีนี้เติบโต 15% จากปีก่อน
"การเติบโตของกำไรดังกล่าวเป็นผลมาจากการขายและการบริการที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาปิโตรเคมีในตลาดโลกมีการปรับตัวสูงขึ้นด้วย นอกจากนี้ บริษัทฯยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย"นายกิตติ กล่าว
บริษัทฯได้เตรียมการก่อสร้างโครงการ CBG อีกประมาณ 16 โครงการ โดย 10 โครงการจะยังคงพื้นที่ในเขตภาคเหนือในเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง และ ลำพูน ส่วนอีก 6 โครงการ บริษัทฯจะร่วมลงทุนกับพันธมิตรในเขตพื้นที่ จ.ขอนแก่น และ จ.เลย ซึ่งเงินลงทุนในโครงการ CBG ส่วนหนึ่งมาจากการขายหุ้นเพิ่มทุนแบบ RO จำนวน 100 ล้านบาทที่ได้ให้ผู้ถือหุ้นเดิมซื้อหุ้นในปลายเดือนพ.ย. ประกอบกับ เงินเพิ่มทุนแบบ PO อีกกว่า 100 ล้านบาท และการออกวอร์แรนต์ในต้นปีหน้า ส่วนเงินลงทุนที่เหลือจะมาจากการกู้ยืมสถาบันการเงิน
อย่างไรก็ตาม ในแต่ละโครงการทางบริษัทฯยังได้รับการสนับสนุนจากสำนักนโยบายและแผนพลังงานแห่งชาติประมาณ 10% ตามนโยบายสนับสนุนด้านพลังงานทดแทน