ทั้งนี้เป็นผลจากความสำเร็จของกองทุน T-LowBeta ที่จัดตั้งไปเมื่อปลายเดือนมี.ค ที่ผ่านมา ปัจจุบันได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนอย่างดี จากแนวคิดการลงทุนที่โดนใจผู้ลงทุน โดยเน้นลงทุนหุ้นพื้นฐานดี ผันผวนต่ำกว่าตลาด ปัจจุบันขนาดกองทุนเพิ่มขึ้นถึงกว่า 70% ภายในระยะเวลาเพียง 8 เดือน และมีการคืนผลตอบแทนให้ผู้ลงทุนแล้ว โดยวิธีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติเป็นครั้งแรกให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน เป็นเงิน 0.50บาทต่อหน่วยลงทุน หลังจากจัดตั้งกองทุนมาเพียง 5 เดือน
นายบุญชัย กล่าวว่า สภาพการลงทุนที่ยังอยู่ในสภาวะตลาดผันผวน เนื่องจากความกังวลในปัจจัยของต่างประเทศ เช่น ปัญหาหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศยุโรปที่ยังยืดเยื้อ ถึงแม้ว่าตัวเลขการผลิตของจีนจะปรับตัวดีขึ้นก็ตาม ในสภาวะการลงทุนผันผวนนี้
กองทุนเปิดธนชาต Low Beta เพื่อการเลี้ยงชีพ (T-LowBetaRMF) เหมาะกับนักลงทุนที่มองหากองทุนที่ลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนน้อย และผู้ต้องการออมเงินไว้ใช้ในยามเกษียณที่มองหากองทุนที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่าตลาดเงินและตราสารหนี้
นายบุญชัย กล่าวเพิ่มเติมถึง การลงทุนในกองทุน LTF/RMF ในช่วงนี้ว่า นักลงทุนควรศึกษาผลการดำเนินของกองทุนนั้นๆ ในระยะยาวๆ อย่าคำนึงแต่โปรโมชั่น เพราะจะทำให้การตัดสินใจเบี่ยงเบนไปจากที่ตั้งเป้าการลงทุนที่จะออมเงินไว้ใช้ในยามเกษียณได้
กองทุนเปิดธนชาต Low Beta เพื่อการเลี้ยงชีพ (T-LowBetaRMF) เน้นลงทุนในหุ้นที่มีการเคลื่อนไหวของราคาเมื่อเทียบกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) ต่ำกว่า 1 หรือที่เรียกว่า หุ้น Low Beta คือ หุ้นที่ผันผวนน้อยกว่าดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ เป็นหุ้นที่ในช่วงตลาดขาลง ก็จะปรับลงน้อยกว่าตลาด ในช่วงที่ตลาดขาขึ้นก็จะปรับตัวขึ้นไม่เท่าตลาด หุ้นกลุ่มที่เป็นเป้าหมายการลงทุนนอกจากจะผันผวนน้อย กว่าตลาดแล้ว บางกลุ่มยังมีกระแสเงินสดจากเงินปันผลเป็นตัวช่วยหากภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวยอีกด้วย เหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวเพื่อประหยัดภาษี ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในตราสารหนี้หรือเงินฝากทั่วไป โดยรับความผันผวนของเงินลงทุนที่เปลี่ยนแปลงตามภาวะการลงทุนได้บ้าง