การลงนาม MOU ดังกล่าว สอดคล้องกับกลยุทธ์และทิศทางของบริษัทฯ ในการขยายโอกาสทางธุรกิจออกไปยังต่างประเทศ การลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย จะเป็นโอกาสอันดีในการขยายธุรกิจสู่ตลาดอาเซียน โดยอินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีประชากรจำนวนมากถึงเกือบ 300 ล้านคนและมีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่มีอัตราเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่กำลังการผลิตในประเทศยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ปัจจุบันประเทศอินโดนีเซียต้องนำเข้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีมากถึงประมาณ 50 % ของความต้องการทั้งหมด
บริษัทฯ มีทิศทางและเป้าหมายในการลงทุนขยายธุรกิจ 3 ด้านหลัก คือ การขยายธุรกิจสู่ธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (High Volume Specialties : HVS) และธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Chemicals) และการลงทุนเพิ่มในธุรกิจปิโตรเคมีซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่อยู่ในแผนการลงทุน การร่วมเป็นพันธมิตรระหว่าง พีทีที โกลบอล เคมิคอล กับเปอร์ตามีนา (Pertamina) ในโครงการลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์อย่างครบวงจร จะสร้างประโยชน์ให้ทั้ง 2 ผ่ายและนำไปสู่ความสำเร็จร่วมกัน
"บริษัทฯ มีความภูมิใจที่ได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 3 บริษัทที่เข้าร่วมศึกษาการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ที่รัฐบาลอินโดนีเซียให้การสนับสนุน ซึ่งสะท้อนถึงการเป็น Strategic Partner ทั้งในด้านกลยุทธ์ ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจปิโตรเคมี การลงนามความร่วมมือในโครงการนี้ ครอบคลุมถึงการแลกเปลี่ยนความรู้ ความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีในธุรกิจปิโตรเคมีร่วมกัน เพื่อสร้างปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ระดับโลกให้เกิดขึ้นในอินโดนีเซีย"นายอนนต์ กล่าว
Ms. Karen กล่าวว่า เปอร์ตามีนา มีโรงกลั่นใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีขนาดธุรกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ในเอเชีย ทำให้มีศักยภาพในด้านธุรกิจการกลั่นและปิโตรเคมีครบวงจร รวมทั้งการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ทรัพยากรธรรมชาติของอินโดนีเซีย การมองหาพันธมิตรที่แข็งแกร่ง จะช่วยสร้างโอกาสในการเพิ่มกำลังการผลิตของโรงกลั่นและนำไปสู่การเป็นผู้นำของตลาดปิโตรเคมีในประเทศ
ทั้งนี้ เปอร์ตามีนา พิจารณาคัดเลือก Stategic Partner อย่างจริงจังและพิถีพิถันเพื่อร่วมศึกษาการลงทุนและเห็นว่า PTTGC เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพตรงตามที่เราต้องการ ความร่วมมือในครั้งนี้จะนำไปสู่ความสำเร็จในเป้าหมายธุรกิจปิโตรเคมีร่วมกัน โดยคาดหวังว่าการร่วมดำเนินการจะบรรลุถึงแผนการก่อสร้างและปฏิบัติการในโรงงานปิโตรเคมี รวมทั้งขยายความร่วมมือในอนาคตในด้านอื่นๆ อาทิ การตลาด การวิจัยผลิตภัณฑ์ และการพัฒนาไปสู่ทิศทางใหม่ของธุรกิจปิโตรเคมีในอินโดนีเซีย
ธุรกิจปิโตรเคมีเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของเปอร์ตามีนาที่กำลังเติบโตตามวิสัยทัศน์ซึ่งมุ่งสู่ความเป็นผู้นำด้านพลังงานในอาเซียนและผู้นำด้านพลังงานระดับโลก(World Class Energy and Asian Energy Champion) ปัจจุบันเศรษฐกิจของอินโดนีเซียมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความต้องการปิโตรเคมีที่สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตใหม่ๆ ในอินโดนีเซีย รวมทั้งสร้างโอกาสในการจ้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจ
อนึ่ง เปอร์ตามีนา เป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของประเทศอินโดนีเซีย ที่ถือหุ้นโดยรัฐบาลอินโดนีเซีย มีโรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนและมีขนาดธุรกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ในเอเซีย โดยมีกำลังการกลั่นน้ำมันมากกว่า 1,000,000 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้เปอร์ตามีนา มีเป้าหมายที่จะเป็น ผู้นำในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศ