เนื่องจากการลงทุนเป็นไปตามการแนวโน้มการขยายตัวภาคก่อสร้างในอาเซียน โดยเฉพาะงานสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ คาดว่าในปีนี้ธุรกิจปูนซิเมนต์ในอาเซียนเติบโตกว่า 10% และคาดว่าในปี 56 จะเติบโตต่อเนื่องอีกกว่า 10%
"สัดส่วนการลงทุนซิเมนต์ วัสดุก่อสร้าง และ Distribution มากขึ้น เครือฯมองว่าอาเซียนจะมีโครงสร้างพื้นฐานเติบโตมาก ในอินโดนีเซีย พม่า เวียดนาม และไทย ธุรกิจซิเมนต์เรามีข้อได้เปรียบอยู่แล้ว"นายกานต์ กล่าว
นายกานต์ กล่าวอีกว่า บริษัทคาดว่าแผนการลงทุนธุรกิจในพม่าใกล้ได้ข้อสรุปแล้วหลังจากรัฐบาลผ่านกฎหมายการลงทุนแล้ว ระหว่างนี้รอการอนุมัติจากรัฐบาลพม่า โดยบริษัทจะลงทุนก่อสร้างโรงปูนซิเมนต์ พร้อมโรงไฟฟ้า และโลจิสติกส์ มูลค่าลงทุน 400 ล้านเหรียญสหรัฐ ตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองร่างกุ้ง ตั้งเป้าว่าโรงงานนี้จะแล้วเสร็จและเริ่มผลิตได้ในปลายปี 58
ส่วนในอินโดนีเซีย บริษัทได้ลงทุนก่อสร้างโรงปูนซิเมนต์ มูลค่า 300 กว่าล้านเหรียญสหรัฐ มีกำลังการผลิต 1.8 ล้านตัน/ปี คาดจะเริ่มผลิตได้ในปี 58 และคาดว่าอีกไม่ถึง 2 ปีจะเพิ่มสายการผลิตอีก 1 สาย ซึ่งมีกำลังการผลิตเท่าๆกัน
นายกานต์ กล่าวว่า การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ทำให้กลุ่มประเทศอาเซียนน่าลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะในพม่า ทำให้เครือปูนซิเมนต์ไทยมีโอกาสลงทุนมากขึ้นด้วย ขณะเดียวกันธุรกิจก็จะไปได้ด้วยดีที่มีตลาดอาเซียนมีขนาดใหญ่ถึง 600 ล้านคน ดังนั้น คาดว่ารายได้จากการที่บริษัทเข้าลงทุนในกลุ่มอาเซียนจะเพิ่มจากปัจจุบันอยู่ที่ 8-9% ของรายได้รวมจะเติบโต 3-4 เท่าในปี 58 ขณะที่รายได้ในประเทศจะปรับลดสัดส่วนเกินกว่า 50% เล็กน้อย
"SCG เป็นองค์กรที่ต้องเติบโตเรื่อยๆ 10-20 ปี การรวมตัวของเขตเศรษฐกิจของอาเซียนก็มีรูปธรรมมากขึ้น ในอาเชียนเรายึดหัวหาดอยู่แล้ว ...เราต้องเติบโตแน่นอน เราจะเป็นบริษัทชั้นนำในเอเชีย ทั่วโลกเอเชียโดดเด่นอยู่แล้วก็เสมือนหนึ่งเราเป็นผู้นำของโลก"นายกานต์ กล่าว
อนึ่ง เครือปูนฯมีเครือข่ายธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่องในอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ลาว กัมพูชา สิงคโปร์ มาเลเซีย และพม่า ด้วยมูลค่าสินทรัพย์รวม 55,400 ล้านบาท รวมทั้งมุ่งเน้นขยายการลงทุนธุรกิจหลักในอาเซียนโดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีมูลค่าการลงทุน 77,500 ล้านบาททั้ง M&A และ Greenfield ในอินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และไทย
ทั้งนี้ นโยบายของเครือปูนซิเมนต์ไทย เน้นอาเซียน และพัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม(HVA) ที่จะทำให้เครือปูนซิเมนต์ไทยเป็นผู้นำได้อย่างยั่งยืนในอาเซียน ซึ่งวันพรุ่งนี้ (8 ธ.ค.55)เป็นวันครบรอบ 100 ปี จากเริ่มต้นธุรกิจปูนซิเมนต์ เมื่อปี 2456 และปัจจุบัน มี 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ปูนซิเมนต์ จัดจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กระดาษ และเคมิคอลล์