ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กข้อมูลแรงงานดีเกินคาดหนุนดาวโจนส์ปิดบวก 81.09 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday December 8, 2012 06:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่ออกมาดีเกินคาดและอัตราว่างงานที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ร่วง หลังหุ้นแอปเปิลถูกกดดันจากแรงเทขายรอบใหม่

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 81.09 จุด หรือ 0.62% ปิดที่ 13,155.13 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 4.13 จุด หรือ 0.29% ปิดที่ 1,418.07 จุด ส่วนดัชนี Nasdaq ลดลง 11.23 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 2,978.04 จุด

สำหรับตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 1% ขณะที่ดัชนี S&P 500 โดยรวมถือว่าไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนดัชนี Nasdaq ร่วงลงกว่า 1%

ดัชนีหุ้นสหรัฐเดินหน้าคึกคักในช่วงแรกของการซื้อขาย หลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรปรับตัวขึ้นสูงเกินคาด 146,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. เทียบกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 80,000-90,000 ตำแหน่งโดยประมาณ ขณะที่อัตราว่างงานปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปีที่ 7.7% เมื่อเทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวเท่ากับเดือนก่อนหน้านี้ที่ระดับ 7.9%

ข้อมูลแรงงานสหรัฐเป็นที่จับตาของตลาดการเงินทั่วโลก ก่อนที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะประชุมในวันที่ 11-12 ธ.ค.นี้ เนื่องจากข้อมูลนี้อาจมีส่วนต่อการตัดสินใจของเฟดว่าจะอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจต่อไปหรือไม่

อย่างไรก็ตาม หุ้นแอปเปิลดิ่งลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและบรรยากาศการซื้อขายในตลาดโดยรวมตามไปด้วย

ทั้งนี้ หุ้นแอปเปิลเป็นตัวฉุดดัชนี Nasdaq ให้ร่วงลงในสัปดาห์นี้ โดยตลอดทั้งสัปดาห์ หุ้นแอปเปิลทรุดลงราว 9% โดยหลังจากที่ร่วงลงอย่างน่าแปลกใจถึง 6.43% เมื่อวันพุธ ซึ่งเป็นการลดลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2551 หุ้นแอปเปิลก็กลับมาร่วงลงอีก 2.56% ในวันศุกร์ โดยเกิดสัญญาณ Death Cross ที่เส้นค่าเฉลี่ย 50 วันปรับตัวลดลงมาตัดกับเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ซึ่งนักวิเคราะห์ทางเทคนิคถือเป็นสัญญาณขาย ส่งผลให้ ณ วันศุกร์ หุ้นแอปเปิลร่วงลงไปแล้วเกือบ 25% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 705.07 ดอลลาร์ แต่ก็ยังเพิ่มขึ้นกว่า 30% สำหรับปีนี้

ขณะเดียวกัน มุมมองบวกของนักลงทุนยังถูกบั่นทอนลงหลังจากที่มีการเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่ร่วงลงเกินคาดในเดือนธ.ค. สู่ระดับต่ำในรอบ 4 เดือน เนื่องจากชาวอเมริกันวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการขึ้นภาษีในปีหน้า

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนธ.ค.โดยรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน ร่วงลงแตะ 74.5 จาก 82.7 ในเดือนพ.ย. ซึ่งตัวเลขล่าสุดเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.

นักลงทุนยังคงจับตาดูความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการถกปัญหาหนี้ระหว่างรัฐบาลสหรัฐและสภาคองเกรสอย่างใกล้ชิด โดยนายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจากพรรครีพับลิกันกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่ายังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาเรื่องดังกล่าว พร้อมทั้งกล่าวหาทำเนียบขาวว่าจงใจดำเนินนโยบายที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเดินไปสู่หน้าผาการคลังอย่างช้าๆ โดยภาวะ fiscal cliff ซึ่งจะส่งผลให้มีการขึ้นภาษีและลดงบประมาณรายจ่ายโดยอัตโนมัติในเดือนม.ค.นั้น อาจฉุดรั้งให้เศรษฐกิจของประเทศกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง

ด้านนางแนนซี่ เพโลซี ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร ตำหนิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันที่ไม่ยอมอนุมัติร่างกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาแล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ