อย่างไรก็ดี หากประเทศที่เข้าไปลงทุนวางกฎเกณฑ์ที่ต้องให้มีพันธมิตรท้องถิ่นก็ไม่มีปัญหา โดย HYDRO จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมเข้าไปลงทุนในอินโดนีเซียเพื่อเข้าไปรับบริหารจัดการระบบน้ำ เพราะเห็นว่าเป็นตลาดใหญ่ และยังมีความต้องการใช้ระบบการจัดการน้ำ โดยเฉพาะการทำน้ำจืดจากน้ำทะเล โดยต้นปีจะลงพื้นที่ และคาดว่าจะได้ข้อสรุปในกลางปี 56
สำหรับแผนการลงทุนในประเทศ นายสลิบ กล่าวว่า งานในประเทศจะขยายตัว เพราะคาดว่าจะมีงานประมูลเข้ารับเหมาทำระบบน้ำประปาจากเทศบาลที่ปัจจุบันมีประมาณ 7 หมื่นกว่าแห่ง โดยเป้าหมายบริษัทก็ยังเป็นหัวเมืองหลักเช่น นครราชสีมา นครสวรรค์ เนื่องจากการขยายงานประปาส่วนภูมิภาคมีข้อจำกัดเรื่องการลงทุน
ทั้งนี้ บริษัทวางแผน 5 ปีข้างหน้า (เริ่มปี 56) จะหันมาเน้นกมาลงทุนมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ เพราะเป็นเป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนแน่นอนและชัดเจน แทนที่จะเข้าไปรับจ้างบริหารจัดการน้ำ และรับเหมาอย่างเดียว ซึ่งการลงทุนดังกล่าวได้ทยอยไปบ้างและคาดว่าจะเห็นผลรายได้ของการลงทุนชัดเจนในปลายปี 56 และในปี 57 จะมีสัดส่วนรายได้เข้ามา 10% และเพิ่มขึ้น 20% ในปี 58 และคาดว่าอีก 5 ปีสัดส่วนรายได้จากการลงทุนขยับเป็น 50% ขณะที่คาดวว่าการลงทุนจะใช้เวลาคืนทุนประมาณ 7-10 ปี
นายสลิบคาดว่า ในช่วง 5 ปีนี้รายได้จะเติบโต 30% และในปี 55 คาดรายได้จะเติบโต 30% เช่นกัน จากงานในมือ (Backlog) มีอยู่ 1.8 พันล้านบาท โดยในส่วน 8 พันล้านบาทเป็นงานจากเทศบาลเชียงใหม่ 4 แห่งซึ่งจะทยอยรับรู้ใน 30 ปี อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ผู้บริหารได้คาดรายได้ปีนี้จะเติยโต 50% มาที่ 1 พันล้านบาท
"ทุกปี บริษัทตั้งเป้าการเติบโตรายได้โต 30% อัตรากำไรสุทธิ 6-7% จากการปริมาณการใช้น้ำตามการขยายตัวของคน และ การลงทุนใช้งบ 300-500 ล้านบาท แต่หากมีวเงินมากกว่านั้นจะใช้การลงทุนร่วมกับพันธมิตร ที่มีอยู่ UAC, TRC, PHOL "นายสลิบ กล่าว
นายสลิบ กล่าวว่า เหตุผลที่บริษัทหันมาเน้นการลงทุน เพราะจะเพิ่มอัตรากำไรสุทธิได้ดีขึ้น ซึ่งจะเห็นชัดในปี 57 รวมทั้งบริษัทจะยังเน้นเรื่องสาธารณูปโภค