นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ MFC เปิดเผยว่า เอ็มเอฟซีได้เปิดขาย กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีสปอท 33S ซีรี่ส์ 2 (SPOT33S2) ทาร์เก็ตฟันด์ที่มีกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นหลักทรัพย์ในประเทศ โดยตั้งเป้าหมายผลตอบแทนร้อยละ 3 สองครั้งรวมเป็นร้อยละ 6 ภายใน 5 เดือนเป็นกองทุนต่อไป เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนในช่วงระยะเวลานี้ ซึ่งกองทุนดังกล่าวเหมาะสำหรับผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับสูง
หลังจากความสำเร็จการบริหารกองทุน Target Fund ที่มีผลงานโดดเด่นมาตลอด โดยล่าสุดได้บริหารกองทุนเปิด SPOT7S5 ถึงเป้าหมายผลตอบแทน 7% โดยได้ดำเนินการเลิกกองทุนเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม และบริหารกองทุนเปิด SPOT55 เพียงเดือนเศษได้ผลตอบแทนตามเป้าหมาย เตรียมจ่ายเงินผลตอบแทนครั้งที่ 1 ให้ผู้ถือหน่วยลงทุน 5% ในวันที่ 12 ธันวาคมนี้
กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีสปอท 33 ซีรี่ส์ 2 (SPOT33S2) มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนและตราสารหนี้ในประเทศ และตั้งเป้าหมายผลตอบแทนร้อยละ 3 สองครั้ง ภายใน 5 เดือน โดยภายใน 5 เดือนแรกหากกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุน 10.35 บาทขึ้นไป กองทุนเปิด SPOT33S2 จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติในอัตราร้อยละ 3 ของมูลค่าที่ตราไว้ (10 บาท) เพื่อให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับคืนผลตอบแทนครั้งที่ 1 ในอัตราร้อยละ 3 ก่อน และบริษัทจัดการจะทำการบริหารเงินลงทุนเดิมเพื่อให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นต่อจนเข้าเงื่อนไขการเลิกกองทุนตามเป้าหมายเพื่อรับผลตอบแทนอีกร้อยละ 3 ต่อไป
กลยุทธ์ของกองทุนเปิด SPOT33S 2 จะลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีในตลาดหลักทรัพย์ไทย โดยมีการบริหารกองทุนแบบ Active ซึ่งผู้จัดการกองทุนสามารถปรับพอร์ตการลงทุนตามสภาวการณ์ตลาดได้ทันท่วงทีทั้งตราสารทุนและตราสารหนี้ และสามารถลงทุนในตราสารอนุพันธ์ โดยลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใน SET50 Index Futures โดยเอ็มเอฟซีคาดว่ามีปัจจัยสนับสนุนที่ดีต่อโอกาสการลงทุนของกองทุนเปิด SPOT33S2 ให้ได้ผลตอบแทนตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้แก่ เศรษฐกิจโลกซึ่งคาดว่าจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นในปีหน้า ประกอบกับนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางประเทศต่างๆ ส่งผลให้คาดว่าจะมีการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนมายังสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้นในระยะ 3-6 เดือนข้างหน้า
นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยที่ยังคงขยายตัวจากการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาครัฐ โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะยังขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 4.5-5.0% ในปีหน้า และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ 18% ในปีนี้ และ 17% .ในปีหน้า นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจลงทุนจากการขยายตัวของกำไรที่สูงเมื่อเทียบกับตลาดอื่นในภูมิภาค