ทั้งนี้ มั่นใจว่าการเข้าซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากบริษัทมีการเติบโตที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ สามารถสร้างกำไรและปันผล ในเกณฑ์ที่เหมาะสมให้กับผู้ถือหุ้นมาได้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทยังมีความพร้อมในการที่จะ ขยายธุรกิจ ของร้าน BEAUTY BUFFET, BEUTY COTTAGE และ ผลิตภัณฑ์ MADE IN NATURE ออกไปอย่างอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตของผลการดำเนินงาน และนำมาซึ่งผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นด้วยเช่นกัน
“ธุรกิจของ BEAUTY มีการพัฒนาในทิศทางที่ดีขึ้นมาเป็นลำดับ จนทำให้ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ต่างๆ เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคอย่างแพร่หลาย ฐานะทางการเงินอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี แต่เราก็มีแผนที่จะทำให้ ผลิตภัณฑ์สามารถเข้าถึงและครอบคลุมกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้นอีก สร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจมากขึ้นอีก เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจนี้อย่างแท้จริง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเจตนาของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้งหมด มาตั้งแต่ เริ่มดำเนินธุรกิจ"นพ.สุวิน กล่าว
สำหรับจำนวนหุ้นสามัญที่กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของ BEAUTY ถืออยู่จำนวน 217.5 ล้านหุ้น ก่อนการเสนอขาย ไอพีโอ กลุ่มผู้ถือหุ้นมีความสมัครใจนำหุ้นเดิมทั้งหมดเข้าฝากไม่ให้ สามารถเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ได้ภายในช่วงระยะเวลา 6 เดือน - 1 ปีจากวันเข้าซื้อขายวันแรก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ลงทุน
อนึ่ง การระดมทุนในครั้งนี้ BEAUTY จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้สำหรับการขยายสาขาร้าน BEAUTY BUFFET, BEAUTY COTTAGE และขยายช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ MADE IN NATURE จำนวนเงินประมาณ 125 ล้านบาท ลงทุนปรับปรุงระบบการดำเนินงานภายใน เช่น ระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ การจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมพนักงาน การขยายคลังสินค้า และเพื่อนำไปใช้ในการรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต จำนวนประมาณ 125 ล้าน และนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน จำนวนประมาณ 391.43 ล้านบาท