บริษัทมีแผนจะขยายตลาดส่งออกต่างประเทศในปี 56 จากเดิมที่มีการเปิดตลาดในสิงคโปร์แห่งเดียว แต่หลังจากที่ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC)เข้ามาซื้อกิจการ ทำให้โอกาสการส่งออกในตลาดอาเซียนเปิดกว้างมากขึ้น ทั้งในกัมพูชา พม่า และลาว ดังนั้น บริษัทจึงคาดว่าในปีหน้าจะมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออก 3% ของรายได้รวม
ขณะที่ตลาดอินโดนีเซียนั้น บริษัทได้เข้าไปตั้งโรงงานและคาดว่าจะเริ่มผลิตประมาณไตรมาส 3/56 โดยระหว่างที่รอโรงงานสร้างเสร็จ บริษัทจะส่งสินค้าจากไทยไปทดลองตลาดที่อินโดนีเซียก่อน และเมื่อโรงงานแล้วเสร็จก็จะวางขายสินค้าในอินโดนีเซียได้อย่างเต็มที่
นายกิตติ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดรวมผนังสำเร็จรูปในปีหน้าคาดว่าจะเติบโต 8-10% จากปีนี้ทีมีปริมาณขาย 350 ล้าน ตร.ม. ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ ตามการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ส่วนตลาดอิฐมวลเบาคาดว่าปีหน้าเติบโต 14-15% จากปีนี้ และคาดว่าสินค้าประเภทผนังกันเสียงบนทางด่วนจะมีความต้องการมากขึ้น คาดว่าจะเติบโตประมาณ 30-40% ตามการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ
ส่วนผลประกอบการในปีนี้ บริษัทคาดว่ารายได้อยู่ที่กว่า 2 พันล้านบาท หลังจากช่วง 9 เดือนแรกของปี 55 มีรายได้ 1.7 พันล้านบาท เทียบกับ 1.22 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% ซึ่งปีที่แล้วได้รับผลกระทบน้ำท่วม สำหรับเรื่องการปรับขึ้นค่าแรง บริษัทไม่ได้รับผลกระทบ เพราะใช้จำนวนแรงงานไม่มากเหมือนผู้รับเหมาหรือผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์