นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้(BEAUTY) กล่าวว่า ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นแรงในวันนี้ที่เปิดซื้อขายวันแรก น่าจะเกิดจากนักลงทุนเชื่อมั่นในผลประกอบการของบริษัททั้งที่ผ่านมาและในอนาคต โดยบริษัทมีช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าที่หลากหลาย ทำให้เกิดความมั่นใจในพื้นฐานการเติบโตที่ดี สะท้อนราคาหุ้นที่ปรับขึ้นแรง
สำหรับธุรกิจของบริษัท มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 70% และมีอัตรากำไรสุทธิที่ 20% และในปีหน้าจะรักษาระดับอัตรากำไรดังกล่าวไว้ จุดเด่นของบริษัทอยู่ในกลุ่มค้าปลีกและเป็นบริษัทแรกที่ดำเนินธุรกิจด้านเครื่องสำอางที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งธุรกิจของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากยังเป็นที่ต้องการของลูกค้าและมีการซื้อสินค้าเป็นเงินสด แนวโน้มลูกค้ายังมีความต้องการใช้เครื่องสำอางอย่างต่อเนื่อง
"หุ้นบริษัทเป็นทั้ง growth stock และ dividend ซึ่งนโยบายจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ ที่ผ่านมาก็จ่ายให้ผู้ถือห้นต่อเนื่อง ปีนี้คาดว่าผลดำเนินงานโตไม่ต่ำกว่า 20%...ไตรมาส 4 คาดว่าผลประกอบการจะเติบโตต่อเนื่อง เพราะเป็นช่วง high season ของธุรกิจ"นายแพทย์สุวิน กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะขยายสาขา BEAUTY BUFFET และ BEAUTY COTTAGE ตลอดจนช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว MADE IN NATURE ในร้านค้าปลีกขนาดใหญ่และโมเดิร์นเทรดให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงของกลุ่มลูกค้าและเพิ่มยอดขายให้กับผลิตภัณฑ์ทุกรูปแบบ โดยเบื้องต้นบริษัทตั้งเป้าขยายสาขา BEAUTY BUFFET จำนวน 180 สาขา และ BEAUTY COTTAGE จำนวน 50 สาขา ภายในปี 56
สำหรับการระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในครั้งนี้ เพื่อการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังเป็นโอกาสสำคัญของบริษัทในการเสริมศักยภาพ ประสิทธิภาพในการดำเนินงานด้านต่างๆให้ดียิ่งขึ้น
ด้านนายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น BEAUTY กล่าวว่า ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นแรง เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของบริษัท และภาวะตลาดที่เอื้ออำนวย โดยบริษัทดำเนินธุรกิจเครื่องสำอางในกลุ่มค้าปลีก ซึ่งเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจ