ส่วนของกำไรสุทธิปี 55 คาดว่าจะเติบโตจากปีก่อนอย่างมาก เนื่องจาก 9 เดือนแรกของปี 55 กำไรก็เติบโตกว่า 70% จากกำไรของทั้งปี 54 แล้ว เพราะปีนี้ราคาวัตถุดิบหลักคือเหล็กเคลือบสังกะสีปรับตัวลดลง ทำให้บริษัทสามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 27% และอัตรากำไรสุทธิที่ 12.66% ซึ่งหากเทียบกับภาพรวมอุตสาหกรรมถือว่าเป็นอัตราที่สูงมาก ดังนั้น เชื่อว่าทั้งปีก็น่าจะรักษาอัตราดังกล่าวไว้ได้
ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 4/55 บริษัทคาดว่าจะดีต่อเนื่อง เพราะอุตสาหกรรมก่อสร้างยอดรายได้จะดีในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ต้องเร่งส่งมอบโครงการตามกำหนด ซึ่งทิศทางของบริษัทก็เติบโตไปกับอุตสาหกรรมก่อสร้าง โดยสัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากท่อร้อยสายไฟฟ้า 66% ท่อก่อสร้าง 19% ท่อระบายอากาศ 10% และที่เหลือเป็นสินค้าประเภทอื่นๆ
ขณะที่แนวโน้มปี 56 บริษัทคาดว่าทิศทางราคาวัตถุดิบหลักคงจะเคลื่อนไหวไม่รวดเร็วนัก เพราะขณะนี้ซัพพลายเหล็กอาบสังกะสีจากจีนยังมีเหลือ ไม่จำเป็นต้องแย่งชิงกัน และมองว่าในช่วง 1-2 ปีนี้ราคาวัตถุดิบจะไม่ผันผวนมากนัก จึงเชื่อว่าบริษัทจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิที่ระดับปัจจุบันต่อไปได้
นายธานินทร์ กล่าวว่า มั่นใจว่าหุ้น ARROW ที่จะเข้าเทรดวันแรก 25 ธ.ค.นี้จะสามารถยืนเหนือจองที่ 5.50 บาท/หุ้นได้ เพราะพื้นฐานบริษัทดี มีผลิตภัณฑ์หลักเป็นของตัวเอง มีโปรเจกต์ต่อเนื่อง ยอดจำหน่ายสินค้าได้ตามเป้า และหากนักลงทุนมองถึงระยะยาวก็เป็นหุ้นที่น่าสนใจลงทุน ขณะที่บริษัทนโยบายจ่ายปันผลมากกว่า 50% ของกำไรสุทธิ
สำหรับเงินที่จะระดมทุนผ่านการขายหุ้น IPO จะใช้ในการขยายโรงงานในพื้นที่เดิม ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตท่อระบายอากาศ และท่อร้อยสายไฟกันน้ำ เพราะขณะนี้กำลังการผลิตเต็มที่ 90% แล้ว โดยในปี 56 บริษัทเตรียมขยายไลน์การผลิตและซื้อเครื่องจักรเพิ่ม