นายมนตรี คาดว่า กำไรสุทธิของภาคเอกชน โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะมีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยร้อยละ 20 ในปี 56 ทำให้เป็นตัวผลักดันภาพรวมดัชนี อีกทั้งนโยบาย QE4 ของสหรัฐที่สนับสนุนสภาพคล่องให้มีมากขึ้น ทำให้ราคาสินค้าและบริการปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นผลทำให้ราคาหุ้นในหลายบริษัทในตลาดเพิ่มสูงขึ้นได้
สำหรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้นไทยนั้น ต้องมีการติดตามการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์(margin loan) ที่อาจเป็นตัวต้นเหตุของภาวะฟองสบู่ให้เกิดขึ้นได้ แต่ปัจจุบันยอด margin loan มีน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเกิดภาวะฟองสบู่ในปี 2540 ที่มีวงเงินปล่อย margin loan สูงถึงประมาณ 1.2 แสนล้านบาท แต่ขณะนี้ margin loan ทั้งระบบอยู่ที่ 4 หมื่นล้านบาทเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องระมัดระวังในขณะนี้คือภาวะฟองสบู่อาจเกิดการพองตัวจากการพิมพ์เงินเพิ่มเข้าสู่ระบบหลายๆรอบในต่างประเทศ และใช้วิธีปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้มีส่วนทำให้เกิดการ Leverage fund ที่หลายประเทศกู้เงินกันไปมาเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องจับตามองกันต่อไป
นายมนตรี กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกในปีหน้า ยังมองว่าปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรปและปัญหาเศรษฐกิจของประเทศต่างๆยังคงอยู่ แต่ก็มีมาตรการออกมาแก้ไขปัญหามากขึ้น ซึ่งหลายส่วนมองเศรษฐกิจสหรัฐยังจะอยู่ในภาวะลำบากต่อไป แต่ก็คงจะปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะปัญหาใหญ่คือเรื่องการว่างงาน ขณะนี้อัตราการว่างงานอยู่ที่ 7.7% หลังจากออก QE3 และล่าสุดได้ตัดสินใจใช้ QE4 เพื่อลดอัตราการว่างงานให้เหลืออยู่ไม่เกิน 6.5% แต่การที่เงินออกมามากขึ้นจะทำให้เกิดเงินเฟ้อ ซึ่งรัฐบาลสหรัฐพยายามรักษาระดับเงินเฟ้อให้ได้อยู่ที่ 2.5% โดยรวมแล้วมองว่าเศรษฐกิจของสหรัฐยังสามารถไปได้ต่อ
ส่วนปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรปนั้นยังคงน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะกรีซที่ยังคงมีปัญหาอยู่ แม้ว่ารัฐบาลพยายามกู้เงินเพื่อให้สภาพเศรษฐกิจและภาคเอกชนเดินหน้าได้ แต่หนี้สาธารณะต่อ GDP ก็ยังเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 161% ขณะที่อิตาลีอยู่ที่ 120% โปรตุเกส 120% ไอส์แลนด์ 105% โดยเมื่อเทียบกับอเมริกาอยู่ที่ 67.7% ซึ่งดีขึ้นมาเป็นลำดับ ส่วนไทยอยู่ที่ 40.5% ถือว่าไทยและเอเชียมีความแข็งแรงเนื่องจากมีหนี้สาธารณะค่อนข้างต่ำ
ด้านอัตราการว่างงานของกรีซสูงถึง 26% อิตาลี 21% โปรตุเกส 15.1% ไอส์แลนด์ 14.9% และ อเมริกา 7.7% ส่วนไทยมีอัตราการว่างงานเฉลี่ยอยู่ที่ 0.58% ซึ่งต่ำมากเช่นกัน และเชื่อว่านโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทจะช่วยให้อัตราการว่างงานของไทยลดลง โดยรวมแล้วเศรษฐกิจไทยในปีหน้าก็ยังเดินหน้าต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง