"ไตรมาส 4 เราดีมาก จะช่วยทำให้ตัวเลขทั้งปีดี"นายสรจักร กล่าว
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ THAI วางเป้าหมายกำไรสุทธิปี 55 ที่ 6 พันล้านบาทในช่วงต้นปียุคที่นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์ เป็นกรรมการผู้อำนวยการ หลังจากนั้นได้ปรับประมาณการลงมาที่ 3 พันล้านบาท และในช่วง low season ก็มีการปรับประมาณการลงอีกรอบ จนกระทั่งนายสรจักร เข้ามาเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนล่าสุดในเดือน ต.ค.55
นายสรจักร คาดว่า อัตราบรรทุกผู้โดยสาร(Cabin Factor)ช่วงไตรมาส 4/55 จะอยู่ที่ 76% สูงกว่าเป้าหมาย 75% และสูงกว่าไตรมาส 4/54 ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม จึงช่วยทำให้ Cabin Factor เฉลี่ยทั้งปี 55 เพิ่มมาที่ 75-76% จากเป้าหมาย 74% ประกอบกับ ปีนี้บริษัทมีกำไรจากการทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน โดยน้ำมันที่บริษัทใช้เป็นราคาต่ำกว่าราคาตลาดมาก และปลายปีราคาน้ำมันก็ยังลดลงจากช่วงไตรมาส 3/55 ด้วย
ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดเดือน พ.ย.55 บริษัทมี Cabin Factor เฉลี่ยที่ 76.7% สูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ 61.0% โดยมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มเป็น 1.87 ล้านคนจากเดือน ต.ค.55 ที่มี 1.71 ล้านคน สำหรับการบินไทยสมายล์มี Cabin Factor เฉลี่ย 84.2% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 85.6% และเที่ยวบินในประเทศ 83.5%
นายสรจักร กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันนี้ ให้ฝ่ายบริหารการบินไทยศึกษาการปรับปรุงที่นั่งในเครื่องบิน A330-300 จำนวน 12 ลำ ที่มีอายุมากกว่า 14 ปี เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของการบินไทยทันสมัยขึ้น โดยจะนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทในเดือน ม.ค. 56 รวมทั้งวงเงินลงทุนด้วย
ปัจจุบัน ฝูงบินการบินไทย มี 91 ลำ อายุเฉลี่ย 11 ปี และตั้งเป้าหมายในปี 60 อายุเฉลี่ยฝูงบินจะลดลงเหลือ 8 ปี
นอกจากนี้ บริษัทจะเริ่มพิจารณาจัดหาเครื่องบินใหม่อีก 38 ลำในเร็วๆนี้ หลังจากที่ได้เริ่มทยอยเครื่องบินใหม่งวดแรกจำนวน 37 ลำ โดยในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ การบินไทยจะรับมอบเครื่องบินแอร์บัส A380 ลำที่ 3 และในปี 56 จะรับมอบเครื่องบินใหม่จำนวน 17 ลำ
นายสรจักร กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ธ.ค.) คณะกรรมการบริษัทฯ จะมีการประชุมวาระกำหนดยุทธศาสตร์ของการบินไทยในปี 56 ที่ฝ่ายบริหารนำเสนอ
ด้านนายดนุช บุนนาค รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการพาณิชย์ THAI กล่าวว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่มีผู้โดยสารเข้ามาจองตั๋วโดยสารเป็นจำนวนสูงมาก โดยมียอดจองตั๋วโดยสารในเดือน ธ.ค.55-ม.ค.56 ถึง 70% เพราะมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากกว่าที่คาด โดยเฉพาะจากญี่ปุ่น รวมถึงเส้นทางที่เปิดใหม่ก็มียอด Cabin Factor ในเกณฑ์ที่ดี ได้แก่ กรุงเทพ-ซับโปโร อยู่ที่ 80%
นอกจากนี้ บริษัทจะเปิดเที่ยวบินกรุงเทพ-แฟรงเฟิร์ต ที่ใช้เครื่องบินแอร์บัส A380 เป็นเที่ยวแรก ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ซึ่งเครื่องบินดังกล่าวมีจำนวน 507 ที่นั่ง จากเดิมที่ใช้เครื่องบินโบอิ้ง B747-400 ที่มีจำนวน 389 ที่นั่ง และยังทำการบิน 2 เที่ยวบิน/วัน ทำให้จำนวนที่นั่งเส้นทางนี้เพิ่มขึ้นตามต้องการที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง