ในวันนี้ที่ประชุมฯ ได้ลงมติวาระการเพิ่มทุนจดทะเบียนด้วยคะแนนเสียง 69.95% ต่อ 23.79% ซึ่งคะแนนเสียงเห็นด้วยไม่ถึง 3 ใน 4 ของที่ประชุมตามที่กำหนดไว้ ทำให้แผนการออกหุ้นเพิ่มทุนและจัดสรรขายผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อนำเงินจากการเพิ่มทุนส่วนใหญ่ไปใช้ซื้อเรือใหม่และเรือมือสองเพื่อขยายกองเรือไม่สำเร็จ
ระหว่างการพิจารณาวาระดังกล่าว ผู้ถือหุ้นที่ไม่เห็นด้วยกับการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนระบุว่าควรใช้แนวทางอื่น ทำให้ต้องมีการพิจารณาแนวทางการระดมทุนใหม่ให้มีความสอดคล้องกับข้อเสนอของผู้ถือหุ้นที่มี 2 แนวทาง ได้แก่ การออกหุ้นเพิ่มพร้อมกับการให้วอร์แรนต์ และให้บริษัทฯกู้เงินจากสถาบันการเงิน ก่อนที่บริษัทจะนำเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอีกครั้งภายในวันที่ 30 ม.ค.56 อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดการประชุมคณะกรรมการบริษัทที่แน่ชัด
ม.ล.จันทรจุฑา จันทรทัด กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA กล่าวว่า เสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันนี้เห็นด้วยกับแผนการเพิ่มทุนประมาณ 70% แต่ไม่ถึงระดับ 75% หรือ 3 ใน 4 ของผู้ออกเสียงทั้งหมดตามที่บริษัทกำหนดไว้ ทำให้วาระดังกล่าวต้องตกไป ทำให้บริษัทฯจำเป็นต้องปรับแผนระดมทุนและแผนลงทุนใหม่ โดยเตรียมเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ หาวิธีระดมทุนทางอื่น เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจตามแผนงานในอนาคต
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ามีทางเลือก 2 ทางในการปรับแผนลงทุนมูลค่า 2.2 หมื่นล้านบาท คือ การหาพันธมิตรใหม่มาร่วมทำธุรกิจ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการติดต่อใครเข้ามาเป็นพันธมิตร และการลดจำนวนเงินลงทุนหรือการลดจำนวนกองเรือที่จะซื้อเข้ามาเพิ่มลง แต่ก็ยอมรับว่าหากมีการปรับแผนดังกล่าวก็จะส่งผลต่อรายได้และกำไรของบริษัทที่จะลดลงตามไปด้วย เพราะบริษัทประเมินวาหากแผนเพิ่มทุนสำเร็จก็จะช่วยให้บริษัทสามารถทำกำไรแตะ 1 พันล้านบาท หรือเติบโตเป็นเท่าตัวได้ภายใน 3 ปีข้างหน้า
ม.ล.จันทรจุฑา มองแนวโน้มค่าระวางเรือในปี 56 ว่า คงจะลดลง แต่จะปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปี 57 เป็นต้นไป เนื่องจากการขยายตัวของกองเรือโลกในปีหน้าจะอยู่ที่ 6% ขณะที่การปลดระวางเรือก็มีมากประมาณ 6% ทำให้แนวโน้มการเติบโตเป็นศูนย์ เมื่ออุปสงค์และอุปทานสมดุลกันจะทำให้ค่าระวางเรือเพิ่มขึ้น และมองว่านักลงทุนควรเริ่มลงทุนในธุรกิจเดินเรือในช่วง 12 เดือนต่อจากนี้ เนื่องจากมีต้นทุนที่ต่ำ และจะทำให้ marginในอนาคตเพิ่มสูงขึ้น
ส่วนธุรกิจของบริษัทย่อย คือ บมจ.เมอร์เมด มาริไทม์ ช่วงนี้ค่อนข้างมาแรง มองว่ามีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น 100% เนื่องจากได้รับงานเพิ่มขึ้นมามาก จากการทำสัญญาให้บริการแก่บริษัทน้ำมันรายใหญ่ในซาอุดิอาระเบีย ซึ่งมีมูลค่าสัญญากว่า 530 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ระยะเวลาสัญญา 5 ปี สร้างรายได้ให้บริษัทประมาณ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี โดยบริษัทได้ส่วนแบ่งประมาณ 60-70% จากการถือหุ้น 57% ในเมอร์เมดฯ