ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 35.71 จุด หรือ 0.27% ปิดที่ 13,135.01 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 5.87 จุด หรือ 0.41% ปิดที่ 1,413.58 จุด ดัชนี Nasdaq ลดลง 20.83 จุด หรือ 0.70% ปิดที่ 2,971.33 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กมีปริมาณซื้อขายที่เบาบางเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์
ตลาดยังคงติดตามการเจรจาในเรื่องหน้าผาการคลังในวอชิงตันอย่างใกล้ชิด หลังประธานาธิบดีบารัค โอบามา และนายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ประชุมร่วมกันที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาเพื่อหารือเกี่ยวกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันอย่างหนักหลังการเจรจาไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า การผลิตในภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 1.1% ในเดือนพ.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 0.3% และเป็นการขยายตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนพ.ย.ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 78.4% ในเดือนพ.ย. จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 77.7% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 78.0%
แต่อย่างไรก็ดี ตลาดไม่ได้ขานรับข่าวดีจากตัวเลขดังกล่าว
ในขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อหลัก ปรับตัวลดลง 0.3% ในเดือนพ.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 0.2% และเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 6 เดือน เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินร่วงลงอย่างหนัก แม้ว่าราคาสินค้าในหมวดอื่นๆปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน ขยับขึ้น 0.1%
หุ้นแอปเปิ้ลร่วง 3.90% หลังบริษัทยูบีเอสปรับลดราคาเป้าหมายของบริษัท โดยอ้างอิงสัญญาณที่บ่งชี้ว่า อัตราการผลิตโทรศัพท์ไอโฟนได้ปรับตัวลดลง
หุ้นเบสท์บาย โค ร่วง 15% หลังนายริชาร์ด ชูลซ์ เลื่อนระยะเวลาในการเข้าซื้อหุ้นบริษัท
หุ้นสมิธ แอนด์ เวสสัน โฮลดิ้ง คอร์ป ลดลง 4.3% หลังเกิดเหตุมือปืนกราดยิงในโรงเรียนประถมในรัฐคอนเนคติคัต ซึ่งกระตุ้นการคาดการณ์เกี่ยวกับการควบคุมอาวุธปืนที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น