ทั้งนี้เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี TISCO Wealth แนะนำกลยุทธ์ลงทุนในกองทุนประหยัดภาษีด้วยการกระจายพอร์ตลงทุนไปยังกอง RMF ที่ลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ นอกเหนือจากตลาดหุ้นไทย โดยเน้นลงทุนในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก และจีน ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจที่มีความแข็งแกร่งและโดดเด่นที่สุดในโลก โดยเศรษฐกิจเอเชีย เป็นเศรษฐกิจที่เติบโตสูงสุดทั้งในอดีตที่ผ่านมา และคาดว่าจะเป็นแบบนี้ต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 2 ปี รวมทั้งเมื่อเปรียบเทียบความแข็งแกร่งของภูมิภาคเอเชีย เทียบกับประเทศอื่นๆ ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ด้วยกัน พบว่า ประเทศในเอเชียอันดับเครดิตสูงกว่าภูมิภาคอื่น รวมทั้งจากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจคาดว่าโอกาสที่ประเทศในเอเชียจะถูกปรับลดอันดับเครดิตจะเป็นไปได้น้อยมาก อีกทั้งระดับการซื้อขายตลาดหุ้นเอเชีย ปัจจุบันถือว่าอยู่ระดับต่ำ นอกจากนี้ นักลงทุนได้ให้ความสนใจกับตลาดหุ้นเอเชียมากขึ้น พิจารณาจากปริมาณเงินทุนไหลเข้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแนวโน้มในปี 2556 คาดว่ามีจะปรับตัวสูงขึ้น เพราะปริมาณเงินตั้งแต่ต้นปี 2555 ยังคงมีปริมาณซื้อสุทธิที่อยู่ระดับต่ำ อีกทั้งตลาดเอเชียเป็นตลาดที่ Laggard เมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ทั้งในปี 2555 และในช่วง 3 ปีย้อนหลัง ขณะที่ความแข็งแกร่งในทุกๆ ด้านดีกว่าภูมิภาคอื่น ดังนั้น คาดว่าตลาดหุ้นเอเชียมีความน่าสนใจมากที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ
โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่มีความโดดเด่นมากที่สุดคือตลาดหุ้นจีน โดย TISCO Wealth ยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อภาพการลงทุนในตลาดหุ้นจีน (H-Shares) เนื่องจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มขยายตัวขึ้น เป็นตลาดที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ รวมทั้งปริมาณสภาพคล่องที่อยู่ระดับสูง อีกทั้งยังมีประเด็นที่คาดว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนในปีหน้าคือ การเปลี่ยนถ่ายผู้นำของจีนที่จะเสร็จสิ้นในเดือนมีนาคม 2556 ซึ่งเมื่อจีนมีการเปลี่ยนถ่ายผู้นำ เศรษฐกิจมักจะมีการขยายตัวสูงขึ้น โดยปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการลงทุนของภาครัฐบาล ซึ่งเป็นนโยบายแรกที่ทางการจีนสามารถทำได้ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการเน้นการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค เช่น การสร้างรถไฟทั่วประเทศ ส่งผลให้ความเจริญทางเศรษฐกิจจีนขยายไปทางตะวันตกมากขึ้น ทำให้รายได้ของประชาชนสูงขึ้น และการจับจ่ายใช้สอยสูงขึ้นเช่นกัน
นอกจากนี้ คาดว่าภาคการเงินของจีนก็มีแนวโน้มได้รับการกระตุ้นเช่นเดียวกัน หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อของจีนไม่เป็นปัญหาอย่างเช่นอดีตที่ผ่านมา และแม้ว่าตลาดหุ้นจีนจะปรับตัวขึ้นและเป็นตลาดฯที่ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับต้นๆ ของโลกในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา และคาดว่ายังคงมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีหน้า เนื่องจากปัจจุบันมีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นจีนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งราคาหุ้นจีนยังคงถือว่าถูกเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มกำลังพัฒนาด้วยกัน ทั้งๆ ที่ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ดังนั้น คาดว่าตลาดหุ้นจีนยังคงเป็นเป้าหมายต้นๆ สำหรับการลงทุนของนักลงทุนในปีหน้า
“ในปีหน้าแม้การลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงผู้ลงทุนจึงควรมีการกระจายพอร์ตลงทุนไปยังหุ้นต่างประเทศที่มีแนวโน้มดี และราคายังถูก ซึ่งที่โดดเด่นสุดคือตลาดหุ้นเอเชียและจีน ที่แนวโน้มในปีหน้าเศรษฐกิจยังเติบโตได้ต่อเนื่อง และแนวโน้มตลาดหุ้นเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น และจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้เป็นอย่างดี" นายสาห์รัช กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทได้ออก กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย เพื่อการเลี้ยงชีพ ซึ่งลงทุนในกองทุนรวมอีทีเอฟ ในต่างประเทศที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ประกอบธุรกิจในประเทศจีนและอินเดีย และ กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน เพื่อการเลี้ยงชีพ ที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Lyxor ETF MSCI AC Asia-Pacific ex Japan (กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดย MSCI AC Asia-Pacific ex Japan เป็นดัชนีที่อิงกับผลการดำเนินงานของตลาดหุ้นในเอเชียแปซิฟิกยกเว้นญี่ปุ่น