ด้านบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)แนะ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้น KCE ราคาเหมาะสม 12.90 บาท มีมุมมองเชิงบวก หลังเข้าร่วมประชุมกับผู้บริหาร KCE วานนี้ และเชื่อมั่นว่าธุรกิจพร้อมกลับเข้าสู่การเติบโตอีกครั้ง หลังประสบปัญหาน้ำท่วมในช่วงปลายปี 2554 ที่ผ่านมา เนื่องจากเครื่องจักรใหม่ทยอยติดตั้งเสร็จสิ้นแล้วใน 3Q55 และคาดว่าโรงงาน KCE Tech ที่อยุธยาจะเข้าสู่จุดคุ้มทุนใน 4Q55
โดยผลจากการเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ จะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการผลิตสูงขึ้น เช่น ส่วนขอบจับของแผ่น PCB ที่มีขนาดเล็กลง จึงส่งผลให้มีวัสดุสิ้นเปลืองหลังตัดขอบมีปริมาณลดลงมาก เมื่อเทียบกับเครื่องจักรเดิม และคุณภาพในการผลิตที่สูงขึ้นจะเป็นอีกปัจจัยให้ปริมาณของเสียลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนั้น การเข้าซื้อกิจการของเคมโทรนิกส์ (CT) สัดส่วน 97% ใน 3Q55 ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำยาสกัดลายแผ่นวงจร PCB เปรียบเสมือนการขยายตัวของธุรกิจเข้าสู่แนวดิ่ง (Vertical Integration) และช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ในระยะยาว
ดังนั้น คาดว่ากำไรสุทธิปี 2556 จะทำระดับสูงสุดใหม่ +259% yoy เป็น 604 ล้านบาท และผลประกอบการตั้งแต่ 4Q55 จะเห็นการฟื้นตัว qoq และต่อเนื่องไปตลอดทั้งปี 2556
อีกทั้งราคาหุ้นยังมี Valuation ที่ค่อนข้างต่ำ โดยมี PER 2556 เพียง 7.9 เท่า ต่ำกว่า SMT — SVI ที่ 8.8 เท่า และ 10.0 เท่า ตามลำดับ และคาดการณ์เงินปันผล 2H55 หุ้นละ 0.20 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 1.9%
วานนี้(17 ธ.ค.)หุ้น KCE ปิดที่ 10.20 บาท ลดลง 0.10 บาท(-0.97%)