อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะผู้นำของบริษัทในธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านในประเทศไทย ตลอดจนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และฐานะทางการเงินที่ดี ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในหมู่ผู้ค้าปลีกสมัยใหม่ที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับบ้านด้วย
ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลประกอบการและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้โดยที่ยังคงอัตราการก่อหนี้ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ในขณะที่มีการขยายสาขา
บริษัทเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าและบริการเพื่อที่อยู่อาศัยแบบครบวงจรภายใต้ชื่อ “โฮมโปร" ปัจจุบัน ผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทประกอบด้วย บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์(LH) (30.12%) และ บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์(QH) (19.79%) บริษัทจำหน่ายสินค้าและให้บริการที่เกี่ยวกับบ้านแบบครบวงจร อาทิ อุปกรณ์ปรับปรุงและซ่อมแซมบ้าน อุปกรณ์ห้องน้ำและเครื่องสุขภัณฑ์ เครื่องใช้ในครัว และเครื่องตกแต่งบ้าน ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา บริษัทประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจด้วยการเปิดสาขาใหม่โดยเฉลี่ย 6 แห่งต่อปี ทั้งนี้ พฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมานิยมศูนย์ค้าปลีกสมัยใหม่เป็นปัจจัยสนับสนุนการขยายสาขาของบริษัท
ณ เดือน พ.ย.55 บริษัทบริหารสาขารวมทั้งสิ้น 53 แห่ง โดย 20 สาขาอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และอีก 33 สาขาอยู่ในต่างจังหวัด ในปี 55 บริษัทเปิดสาขาทั้งหมด 8 แห่ง โดย 1 สาขาอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และอีก 7 สาขาอยู่ในต่างจังหวัด เมื่อรวมทุกสาขาแล้ว บริษัทมีพื้นที่ขายทั้งหมดประมาณ 367,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) และมีพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าอีก 92,000 ตร.ม.การขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทำให้บริษัทสามารถสร้างฐานธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านที่แข็งแกร่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการขยายสาขาในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าในจังหวัดสำคัญ ๆ ทั่วประเทศและเมืองใหญ่ ๆ ในประเทศเพื่อนบ้านด้วย
ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 24,073 ล้านบาทในปี 53 เป็น 28,363 ล้านบาทในปี 54 ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 55 บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 24,834 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 20.13% จากช่วงเดียวกันของปี 54 โดยยอดขายจากสาขาเดิมของบริษัทมีอัตราการเติบโต 6.70% ทั้งนี้ การเติบโตของยอดขายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 55 เป็นผลจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน รวมถึงการปรับปรุงรายการสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และการขยายสาขาใหม่
อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทที่เพิ่มขึ้นจาก 25.70% ในปี 54 เป็น 25.89% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 55 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทมีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นจากสินค้าที่เป็นตราสัญลักษณ์เฉพาะของบริษัท โดยสัดส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก 18.08% ของยอดขายในปี 54 เป็น 19.22% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 55
ฐานะทางการเงินของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง โดยบริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 2,644 ล้านบาทในปี 53 เป็น 3,154 ล้านบาทในปี 54 และเป็น 2,758 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 55 ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของเงินทุนจากการดำเนินงานเป็นผลมาจากอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งของยอดขายและความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น บริษัทยังคงมีสภาพคล่องอยู่ในเกณฑ์ดีจากการบริหารเงินสดที่มีประสิทธิภาพ
เงินกู้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 3,012 ล้านบาทในปี 54 เป็น 4,322 ล้านบาท ณ เดือน ก.ย.55 ภาระหนี้เพิ่มขึ้นจากการกู้ยืมเพื่อลงทุนในการเปิดสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาเดิม แม้ว่าภาระหนี้จะเพิ่มขึ้น แต่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง โดยอยู่ที่ระดับ 76.66% ในปี 54 และ 50.24% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 55