ก่อนหน้านี้ กลุ่มดำรงสกุลวงษ์ได้ขายหุ้นให้กับ MODERN ไปแล้วจำนวน 9 ล้านหุ้น ทำให้ภายหลังการขายหุ้นครั้งนี้ MODERN ได้ถือหุ้น IHL รวม 16 ล้านหุ้น หรือร้อยละ 4.57 และภายหลังการขายหุ้นให้กับ MODERN ในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มดำรงสกุลวงษ์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สัดส่วนกว่าร้อยละ 60
นายองอาจ กล่าวว่า การขายบิ๊กล็อตให้กับ MODERN เพิ่มอีก 7 ล้านหุ้นในครั้งนี้ เนื่องจากเห็นว่าทั้งสองบริษัทฯ จะได้รับประโยชน์ร่วมกันแบบ WIN-WIN โดย MODERN จะมีวัตถุดิบหนังคุณภาพสูงสำหรับผลิตเฟอร์นิเจอร์ไว้ในมือ ในขณะที่ IHL ได้ขยายฐานไปสู่ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งหลังจากนี้จะได้ร่วมกันพัฒนาสินค้าเพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตต่อไปในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทฯ ที่ต้องการขยายฐานธุรกิจออกไปในหลากหลายอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งมากเกินไป
"ปัจจุบันธุรกิจหลักของ IHL อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ และในปีที่ผ่านมาได้เริ่มขยายไปสู่อุตสาหกรรมรองเท้า และหลังจากนี้คาดว่าจะเข้าสู่อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีกลับคืนผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอนาคต" นายองอาจ กล่าว
ด้านนายทักษะ บุษยโภคะ ประธานกรรมการบริหาร MODERN กล่าวว่า การเข้ามาซื้อหุ้น IHL เพิ่มเป็นเพราะพบว่าการลงทุนที่ผ่านมาได้ให้ผลตอบแทนเป็นอย่างดีทั้งในรูปอำนาจการต่อรองในการซื้อวัตถุดิบ และมูลค่าตลาดของเงินลงทุนดังกล่าว และการลงทุนเพิ่มขึ้นจะทำให้บริษัทสามารถลดความเสี่ยงทางด้านวัตถุดิบหนังผืน ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเก้าอี้โซฟาได้เป็นอย่างดี โดยจะเป็นหลักประกันการได้มาซึ่งวัตถุดิบดังกล่าวในการผลิตเก้าอี้โซฟาของบริษัทฯ ในอนาคต
นอกจากนั้น ศักยภาพการเติบโตที่โดดเด่นของ IHLจะทำบริษัทฯได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในอัตราที่ดีด้วย และที่สำคัญ ยังเปิดโอกาสให้ MODERN สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกับ IHL ซึ่งมีความถนัดทางด้านหนังผืนสำเร็จรูปในอนาคต