นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส บล.เอเซีย พลัส มองว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้น่าจะอ่อนตัวลง เนื่องจากดาวโจนส์ฟิวเจอร์ได้ปรับตัวลง และตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย โดยตลาดฮ่องกงเช้านี้ปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก อันเป็นผลจากความกังวลเกี่ยวกับการเจรจาแก้ปัญหา Fiscal Cliff แต่สุดท้ายเชื่อว่าจะตกลงกันได้และคงจะทำให้ตลาดฯปรับตัวขึ้นมาได้ดีขึ้น
"ตลาดฯน่าจะเผชิญการต่อสู้กันระหว่างแรงซื้อของกองทุนในประเทศและแรงขายของฝั่งโบรกเกอร์ แต่มองว่าแรงสองแรงนี้จะสามารถดูดซับกันได้ ต้องรอดูประเด็นตลาดในต่างประเทศเพิ่มเติม"นายเทิดศักดิ์ กล่าว
พร้อมให้แนวรับ 1,360 จุด แนวต้าน 1,385 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(20 ธ.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 13,311.72 จุด เพิ่มขึ้น 59.75 จุด (+0.45%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,443.69 จุด เพิ่มขึ้น 7.88 จุด(+0.55%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,050.39 จุด เพิ่มขึ้น 6.02 จุด(+0.20%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 106.25 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 2.89 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 5.11 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.17 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.70 จุด ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 94.69 จุด ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 3.51 จุด ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.02 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดเมื่อวานนี้(20 ธ.ค.)1,377.40 จุด ลดลง 1.00 จุด(-0.07%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,641.41 ล้านบาท เมื่อ 20 ธ.ค.55
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(20 ธ.ค.) ที่ 90.13 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.15 ดอลลลาร์หรือ 0.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(20 ธ.ค.) ปิดที่ 6.0 เหรียญฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 30.64/66 อ่อนค่าตามทิศทางยูโร
- นายวีระพล จิรประดิษฐกุลอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่าปี 2555 มีการใช้ก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เฉลี่ยเดือนละ 6.05 แสนตันเพิ่มขึ้น 11% และหากยังไม่มีการปรับขึ้นราคาแอลพีจีจะทำให้ยอดนำเข้าสูงขึ้นถึงเดือนละ 1.7 แสนตันจากปัจจุบัน 1.46 แสนตัน และช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2551-2555)รัฐต้องชดเชยการนำเข้าแอลพีจีไปแล้ว 9.54 หมื่นล้านบาทเฉพาะปี2555 มีการจ่ายชดเชย 3.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นภาระกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
- "วิรไท สันติประภพ" รองผู้จัดการสายงานพัฒนาและวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)แถลงว่า ปี 2556 ตลาดหุ้นไทยยังได้อานิสงส์เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าต่อเนื่องจากสิ้นปีนี้เนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐเริ่มมีทิศทางดีขึ้นตามการแก้ไขปัญหาทางการคลังและธนาคารกลางหลายประเทศมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบ
- นางอลิศรา มหาสันทนะ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในระยะนี้ยังเคลื่อนไหวปกติ แม้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)จะประกาศอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ คือมีวงเงินรวมเป็นเงินถึง 10 ล้านล้านเยน ผ่านการขยายโครงการซื้อสินทรัพย์ทั้งในรูปพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรภาคเอกชน และยังคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำที่ 0-0.1% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ยังมีเงินอัดฉีดสภาพคล่องของสหรัฐ ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบใหม่(คิวอี 3 พลัส)
- ตลาดหลักทรัพย์เผยมูลค่าระดมทุนปีนี้ ทุบสถิติในรอบ 4-5 ปี เผยยอด 11 เดือนสูงถึง 1.4 แสนล้านบาท ยังไม่รวมการเพิ่มทุน ของปตท.สผ.อีก 9 หมื่นล้านบาท คาดปีหน้าเม็ดเงินต่างชาติยังไหลเข้าต่อเนื่อง ได้อานิสงส์ธนาคารกลางทั่วโลกอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่ม แถมตลาดหุ้นไทยยังมีน้ำหนักในดัชนี MSCI ASIA EX JAPAN เตือนระวังเงินต่างชาติทำตลาดผันผวนแรง ด้าน"วิรไท" ไม่ต่อสัญญาทำงานกับตลาด แจงอยากไปทำงานมูลนิธิ ขณะที่ "จรัมพร" ประกาศจัดทัพรองเอ็มดีใหม่ ชู"ภากร ปีตธวัชชัย-บดินทร์ อูนากูล-เกศรา มัญชุศรี" ร่วมบริหารงาน
- แบงก์ชาติชี้ต่างชาติเริ่มเข้ามาซื้อหุ้นไทยก่อนหยุดยาว แต่เงินบาทยังเคลื่อนไหวปกติ ย้ำต่างชาติไม่ได้ขนเงินเข้าไทยมากสุดในเอเชีย จับตาเรื่องหน้าผาทางการคลังของสหรัฐฯและยุโรปต่อไป พร้อมกันนี้แผนปรับปรุงฐานะการเงิน ธปท.ยังไร้ข้อสรุป บอร์ดแบงก์ชาติสั่ง ทผง.เสนอมาใหม่อีกครั้งปลายเดือน ม.ค. 56 ชี้ที่ประชุมต้องการความแน่นอน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นต้องละเอียดอ่อน
- ตลาดหลักทรัพย์เตือนปีหน้านักลงทุนระมัดระวังการลงทุนจากเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าออกเร็ว เชื่อตลาดหุ้นไทยโดดเด่นจากเศรษฐกิจเติบโต -กำไร บจ.ดีต่อเนื่อง"วิรไท" แจง 2-3 สัปดาห์นี้ฝรั่งซื้อสุทธิ1.7 หมื่นล้านบาท ผลดีต่อเนื่องจากเดือนก่อน จากไทยมีน้ำหนักการลงทุนใน MSCI เพิ่มเป็น 3.24% จาก 2.66%ณ สิ้นปี 2554
- ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รายงานผลการประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. โดยที่คณะกรรมการทั้งสองชุดมีความเป็นห่วงตรงกันในเรื่องของหนี้ครัวเรือน และสินเชื่อบุคคลที่ขยายตัวในอัตราสูง
*หุ้นเด่นวันนี้
- PTTGC(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)“ทยอยสะสม"เป้า 74 บาท เชื่อว่าหุ้นกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี ยังมี Sentiment เชิงบวก จากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ปรับตัวขึ้นทดสอบบริเวณ US$90.00/barrel และคาดว่าหากการการแก้ไขปัญหา Fiscal Cliff ได้ข้อสรุปภายในสิ้นปี 2555 จะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ได้อย่างต่อ อีกทั้งราคาหุ้นยังมี Valuation ที่ไม่สูงนัก
- BECL(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"ปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 39 บาทจาก 34 บาทหลังจากบริษัทซื้อ TTW จาก CK เพิ่มจาก 9.2% เป็น 20.2% ที่ราคา 7.55 บาท ทำให้มีกระแสเงินสดเพิ่มจากเงินปันผล และปรับกำไรปี 2013 ขึ้น 9% และปี 2014 ขึ้น 11% จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของ TTW ตามสัดส่วนที่ถือเพิ่ม จากเดิมที่รับรู้เฉพาะเงินปันผล นอกจากนี้ BECL ยังมีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นระยะถัดไปคือการนำ CK Power เข้าตลาดฯ เร็วสุดปลาย 1Q13 และการขอปรับขึ้นค่าทางด่วนในปี 2013
- MSC(เกียรตินาคิน)"ซื้อเก็งกำไร"แม้จะไม่ได้รับผลบวกโดยตรงจากการทำโครงข่าย 3G แต่ MSC มีรายได้ที่แน่นอนจากยอดสั่งซื้อซ้ำของลูกค้าเดิมกว่า 95% อีกทั้งยังจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ ให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 4-5% ต่อปี ขณะที่ราคาหุ้นปรับขึ้นมาเพียง 45% YTD ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PE 15 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 21 เท่า พร้อมให้แนวรับ 5.10 บาท แนวต้าน 5.90/6.40 บาท
- DTAC(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 105 บาท คาดกำไรสุทธิใน 4Q55 ของ DTAC ไว้ที่ 2,945 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% QoQ และ 23% YoY จากผลบวกทางฤดูกาล รวมทั้งยอดขายเครื่องโทรศัพท์เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีก่อนจากการเปิดขาย IPHONE 5 นอกจากนี้ ยังมีความมั่นใจมากขึ้นหลังจากเห็นความชัดเจนแผนลงทุนโครงข่าย 2.1 GHz หลังได้รับใบอนุญาต ซึ่ง DTAC จะได้ประโยชน์จากการประหยัดต้นทุน ปัจจุบัน DTAC ซื้อขาย PE 18 เท่า ต่ำกว่า ADVANC ขณะที่ราคาหุ้นปรับ 27% YTD และ Underperform กลุ่มถึง 14%