บริษัทเตรียมเปิดโรงพยาบาลแห่งที่ 3 ในกัมพูชา ขนาด 1100 เตียง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ภายในกลางปี 56 นอกจากนั้น ยังอยู่ระหว่างศึกษาข้อกฎหมายของทางการพม่าเกี่ยวกับสัดส่วนของการถือหุ้นของชาวต่างชาติ การเช่าที่ดิน ภาษี และการโอนเงิน ซึ่งหากมีความชัดเจนแล้ว บริษัทก็จะเข้าไปลงทุนทันที
น.พ.ชาตรี กล่าวว่า ปัจจุบันมีคนไข้ชาวต่างชาติเข้ามาใช้บริการรักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลในเครือเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากสหรัฐอาหรับเอมิเรต พม่า การ์ต้า และ คูเวต โดยเฉพาะชาวพม่าเข้ามาให้บริการจำนวนมากขึ้น บริษัทจึงมีความยินดีที่จะเข้าไปเปิดโรงพยาบาลในประเทศพม่า โดยในปี 58 ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากคนไข้ชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 40% จากปัจจุบันอยู่ที่ 25-30%
“ ปี 56 น่าจะเป็นปีที่ดีสำหรับธุรกิจโรงพยาบาล เพราะจากนโยบายรัฐที่มีการสนับสนุนการท่องเที่ยวส่งผลให้ชาวต่างชาติเข้ามาใช้บริการมากขึ้น และยังมองว่าประเทศจีนน่าสนใจเพราะจีนเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยมาก ประกอบกับ ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีประชากรที่หนาแน่น" นพ.ชาตรี กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อเปิด AEC แล้วเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ จะมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสอง รองจากกลุ่ม Integrated Healthcare หรือ IHH กลุ่มโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และจะเป็นอันดับ 4 ของโลกในแง่ของ Market share ,Market cap และรายได้รวม
ล่าสุด BGH เปิดตัว “ศูนย์บริการฉุกเฉินเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ หรือ Bangkok Emergency Services (BES)" ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยความร่วมมือระหว่าง 5 โรงพยาบาลเอกชนในเครือ รพ.กรุงเทพ ได้แก่ รพ.กรุงเทพ รพ.สมิติเวช รพ.บีเอ็นเอช รพ.พญาไท และ รพ.เปาโล เมโมเรียล เพื่อเตรียมพร้อมรับมืออุบัติเหตุฉุกเฉินที่จะเกิดขึ้น ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆ
นพ.ชาตรี กล่าวว่า ในแต่ละปีประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางจราจรเฉลี่ยวันละ 31 ราย โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 7 วันอันตราย ซึ่ง ปัญหาที่พบส่วนใหญ่คือผู้บาดเจ็บเสียชีวิตจากการนำส่งรพ.ไม่ทันเวลา เครือ รพ.กรุงเทพ จึงเปิดตัวศูนย์ BES เพื่อเตรียมพร้อมรับมืออุบัติเหตุฉุกเฉินที่จะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ และเหตุฉุกเฉินต่างๆ อย่างรวดเร็วและเป็นมาตรฐานเดียวกัน