ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 336,791 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 24, 2012 17:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (17 — 21 ธันวาคม 2555) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม 336,791 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 67,358 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ประมาณ 14% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 76% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 256,702 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 65,216 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 6,302 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19% และ 2% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB176A (อายุ 4.6 ปี) LB155A (อายุ 2.4 ปี) และ LB15DA (อายุ 3.0 ปี) มีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 14,532 ล้านบาท 8,330 ล้านบาท และ 7,410 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB13108A (อายุ 14 วัน) CB13117C (อายุ 28 วัน) และ CB13321B (อายุ 91 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 36,100 ล้านบาท 23,760 ล้านบาท และ 21,294 ล้านบาท ตามลำดับ

ทางด้านหุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รุ่น TLT138A (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 1,164 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) รุ่น PTTEP135A (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 644 ล้านบาท และ หุ้นกู้ของบริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) รุ่น SCC16NA (A) มูลค่าการซื้อขาย 563 ล้านบาท เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve) เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ หรือปรับตัวอยู่ในช่วง-2 ถึง +2 Basis Point (100 Basis point มีค่าเท่ากับ 1%) โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรในช่วงอายุตั้งแต่ 3 ถึง 15 ปี ปรับตัวลดลงในช่วง —1 ถึง -2 Basis Point และผลตอบแทนของพันธบัตรอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 2 Basis Point ทั้งนี้ ภาพรวมของตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาถือว่าค่อนข้างนิ่ง หลังจากที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามามีผลต่อตลาด ประกอบกับเป็นช่วงปลายปี ที่นักลงทุนบางส่วนเริ่มชะลอการลงทุน จึงมีผลทำให้ตลาดค่อนข้างเงียบตามไปด้วย โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงต้นสัปดาห์ ตามผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ (US Treasury) ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามแรงขายทำกำไร ก่อนที่ผลตอบแทนจะปรับตัวลดลงในช่วงกลางถึงปลายสัปดาห์ หลังจากมีแรงซื้อกลับเข้ามาในตลาดตราสารหนี้อีกครั้ง ตามความกังวลในเรื่อง Fiscal Cliff ของประเทศสหรัฐฯ ที่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่นนอน ขณะที่สถานการณ์ของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป เริ่มมีแนวทางของการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนขึ้น หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้มีมาตรการเพื่อช่วยเหลือประเทศกรีซเพิ่มเติม ด้วยการอนุญาตให้กรีซนำพันธบัตรของประเทศมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อขอกู้เงินจาก ECB

ทั้งนี้ ธนาคารโลก (World Bank) ได้ประมาณการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2555 ว่าจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 4.7% สูงกว่าระดับเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 4.5% และ World Bank คาดว่าในปี 2556 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตที่ 5.0% ตามแนวโน้มของเศรษฐกิจโลกที่จะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น

ในสัปดาห์นี้นักลงทุนต่างชาติมียอด ซื้อสุทธิ ในตราสารหนี้ทุกประเภทรวมกัน (ทั้งระยะสั้น และระยะยาว) 18,931 ล้านบาท แต่หากพิจารณาเฉพาะการซื้อขายในตราสารหนี้ระยะยาว (อายุคงเหลือมากกว่า 1 ปี) จะพบว่าเป็นการซื้อสุทธิ 12,519 ล้านบาท ทางด้านนักลงทุนรายย่อย ถึงแม้จะมีสัดส่วนของการซื้อขายในตลาดค่อนข้างน้อย แต่ในสัปดาห์นี้ยังคงซื้อสุทธิอีก 862 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ