""การเพิ่มสัดส่วนของผู้ถือหุ้นรายย่อยในครั้งนี้เพื่อที่จะให้เป็นไปตามกฎของตลาดหลักทรัพย์เพราะเราไม่อยากที่จะโดนค่าปรับ และเราอยากที่จะเข้าไปอยู่ในกลุ่มของ SET100 ในปี 56 เพราะเราหวังว่าหุ้นของเราจะเป็นหุ้นที่นักลงทุนทั้ง AEC ความสนใจ เหมือนกับหุ้นของอเมซอน"นายวรวุฒิกล่าว
ปัจจุบัน กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ กลุ่มจิราธิวัตน์ 75% และกลุ่มอุ่นใจ 16%
สำหรับผลประกอบการของบริษัท คาดว่ารายได้ปี 56 จะเติบโต 15-20% หรือรายได้แตะ 1 หมื่นล้านบาท หลังจากปีนี้คาดว่ารายได้จะอยู่ที่ประมาณ 8 พันล้านบาท หลังจากที่มีการควบรวมกิจการกับธุรกิจในกลุ่มจิราธิวัฒน์ ส่งผลให้บริษัทเติบโตอย่างเร็ว โดยหลังจากการควบรวมจะทำให้บริษัทสามารถที่จะแข่งขันในด้านต้นทุนมากขึ้น และมีสินค้าที่มีหลากหลายมากขึ้น
บริษัทคาดว่าปี 56 กำไรจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากปีนี้เติบโตแบบก้าวกระโดด โดยช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ทำกำไรไปได้แล้วกว่า 54.41 ล้านบาท จากที่ปี 54 มีกำไรที่ 45.97 ล้านบาท เนื่องจากการควบรวมกิจการกับกลุ่มจิราธิวัฒน์ทำให้บริษัทมีฐานลูกค้าที่ใหญ่ขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และต้นทุนของการแข่งขันตลาดออนไลน์มากขึ้น โดยตั้งเป้ามีลูกค้าทั้งหมด 1 แสนรายในปีหน้า
นายวรวุฒิ กล่าวว่า บริษัทเตรียมเปิดสาขา OFM เพิ่มอีกกว่า 10 สาขาในปีหน้า และสาขาของ B2S อีกกว่า 15 สาขา คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 10-20 ล้านบาท/สาขา ซึ่งจะช่วยขยายโอกาศให้บริษัทเติบโตขึ้นไปอีก ตั้งเป้ายอดขายออนไลน์เติบโตกว่า 1 พันล้านบาท จากปัจจุบันที่มียอดขายออนไลน์อยู่ที่ 400 ล้านบาท ส่วนการบุกในตลาด AEC คาดว่าจะชัดเจนว่าไปในประเทศใดก่อนภายในปี 56 และปี 57 จะมีการบุกในเรื่องของบุคคลากร และตั้งเป้าว่าใน 3 ปีข้างหน้าจะขยายตลาดครอบคลุมทั่วทั้ง AEC
นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้บริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มช่องทางการขายแบบ Delivery ซึ่งหลังจากควบรวมกิจการทำให้สามารถไปถึงเป้าหมายได้เร็วกว่าที่ตั้งไว้ว่าจะขายผ่าน Delivery ใน 25 จังหวัดภายในปี 56 และ 50 จังหวัดภายในปี 57 จากนั้นจะครอบคลุมทั้งประเทศภายในปี 58 โดยในปี 56 จะมีการสร้างศูนย์กระจายสินค้า(DC) เพิ่มเพื่อรองรับสินค้าที่เข้ามาใหม่จากกลุ่มเซ็นทรัล เพื่อที่จะรองรับการขยายบริการ Delivery ในอนาคต