ส่วนผลงานในปีนี้คาดว่ารายได้จะเติบโต 10-12% หลังจากหลอดไฟ LED ได้รับความสนใจจากตลาดเพิ่มมากขึ้น และในไตรมาส 4/55 ลูกค้าของบริษัทเร่งการติดตั้งหลอดไฟ LED เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทมีรายได้เข้ามามากขึ้นด้วย โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการขายหลอดโคมไฟ 50-55% ที่เหลือเป็นรายได้มาจากอุปกรณ์ให้ความสว่างประเภทอื่น
อีกทั้งในปีนี้การส่งออกมีแนวโน้มที่ดีจากกระแสการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ทำให้การส่งออกขยายตัวมากขึ้นเป็น 5-6% ส่วนในปีหน้าคาดว่าการส่งออกจะเพิ่มขึ้นเป็น 7%
ขณะนี้บริษัทมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้(Backlog)ประมาณ 650 ล้านบาท โดยสัดส่วนงานภาคเอกชนอยู่ที่ประมาณ 80-90% และงานจากหน่วยราชการประมาณ 10% และล่าสุดวันนี้บริษัทได้เซ็นสัญญากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)ในการติดตั้งหลอดไฟ LED เริ่มต้น 5,000 หลอด มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีหน้า
"บริษัทต้องการเป็นผู้นำในการเปลี่ยนหลอดไฟประหยัดพลังงาน LED และคาดหวังที่จะได้รับงานอื่นๆ จาก กฟภ.ในอนาคตอีก ซึ่งทาง กฟภ.มีการวางแผนเปลี่ยนหลอดไฟเป็นหลอด LED จำนวน 200,000 หลอดภายในปี 57 แนวโน้มหลอด LED ในอนาคตจะมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีประสิทธิภาพดีขึ้น และราคามีแนวโน้มถูกลง ซึ่งปัจจุบันราคาหลอด LED ราคาหลอดละ 1,000 บาท"นายปกรณ์ กล่าว
ส่วนแผนการสร้างโรงงานแห่งใหม่ของบริษัทฯใช้เงินลงทุน 500 ล้านบาทในการสร้างโรงงานผลิตหลอดไฟและอุปกรณ์ให้แสงสว่าง รวมถึงเป็นคลังสินค้า เริ่มดำเนินการสร้างในปี 56 แล้วเสร็จภายในปี 57 ซึ่งโรงงานแห่งใหม่จะสร้างมูลค่าให้กับสินค้าเพิ่มขึ้นถึง 250 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มเติมในปี 56 อีก 1-2 สาขา จากที่มีอยู่ 2 สาขา เงินลงทุนราว 30 ล้านบาท/สาขา ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาหาทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม
นายปกรณ์ กล่าวว่า การเปิด AEC เป็นโอกาสที่ดีในการขยายธุรกิจภายในอาเซียน เนื่องจากบริษัทเป็นผู้นำและมีความได้เปรียบทางการค้า ทำให้มีโอกาสมากในการขยายธุรกิจ แต่ต้องมีการศึกษาความเหมาะสมก่อน โดยปัจจุบันบริษัทก็มีการส่งสินค้าไปขายในประเทศกลุ่ม AEC อย่างเช่น เวียดนาม สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ โดยขายผ่านตัวแทนขาย ส่วนพม่าและอินโดนีเซียยังอยู่ระหว่างศึกษารูปแบบการลงทุน