ทั้งนี้ หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 23 จุด แตะที่ 13,138 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 3 จุด แตะที่ 1,423 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น แตะที่ 2,992 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าสหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญกับภาวะหน้าผาการคลัง หรือภาวะที่มาตรการลดการใช้จ่ายและการขึ้นภาษีวงเงินรวม 6 แสนล้านดอลลาร์จะผลบังคับใช้พร้อมกันโดยอัตโนมัติในต้นปีหน้า โดยทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐรายงานว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐ ประกาศยกเลิกวันหยุดพักผ่อนที่ฮาวาย และเดินทางกลับมายังกรุงวอชิงตันเพื่อหาทางแก้ภาวะหน้าผาการคลังกับสภาคองเกรส
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ธ.ค. ลดลง 12,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 350,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปีครึ่ง ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 360,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 361,000 ราย
ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานอย่างต่อเนื่องโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ลดลง 11,250 ราย มาอยู่ที่ระดับ 356,750 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. ปี 2551
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ด้านการคลังของสหรัฐอย่างใกล้ชิด หลังจากนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐคาดว่า หนี้สินของรัฐบาลสหรัฐจะเพิ่มขึ้นถึงระดับ 16.4 ล้านล้านดอลลาร์ในวันที่ 31 ธ.ค. ซึ่งเป็นเพดานสูงสุดที่รัฐบาลกลางกำหนดไว้
ทั้งนี้ หากประธานาธิบดีบารัค โอบามา และสภาคองเกรส ประสบความล้มเหลวในการเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลังก่อนสิ้นปีนี้ ก็อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยได้