บลจ.ทิสโก้ ออกทาร์เก็ตฟันด์หุ้นจีน เป้าผลตอบแทน 8% มองจีนน่าสนใจลงทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 2, 2013 15:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บลจ. ทิสโก้ เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% # 6 โดยมีอายุโครงการประมาณ 8 เดือน หรือสามารถเลิกโครงการก่อนครบกำหนดอายุโครงการ หากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 8% มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เปิดเสนอขายเพียงครั้งเดียว ตั้งแต่ 4 — 14 ม.ค. 56 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 5,000 บาท

กองทาร์เก็ตฟันด์ดังกล่าวเน้นลงทุนในหุ้นจีน โดยจะลงทุนผ่านกองทุนอีทีเอฟต่างประเทศ ได้แก่ กองทุน Hang Seng H-Share Index ETF ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยมีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี Hang Seng China Enterprise (HSCEI) หรือ H-Shares

สำหรับปี 56 การลงทุนในตลาดหุ้นยังเป็นทางเลือกแรกที่น่าสนใจลงทุน เพื่อเพิ่มผลตอบแทน โดยตลาดหุ้นที่แนะนำให้ลงทุน คือ ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นญี่ปุ่น (Asia Pacific ex. Japan) ซึ่งมีเศรษฐกิจที่เติบโตสูงสุดทั้งในอดีตที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 2 ปีนับจากปัจจุบัน โดยจีนเป็นประเทศที่น่าสนใจลงทุนมากที่สุด เนื่องจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น

ประเด็นสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนในปีนี้ คือ การเปลี่ยนถ่ายผู้นำของจีนที่จะเสร็จสิ้นในเดือน มี.ค.ซึ่งโดยปกติเมื่อจีนมีการเปลี่ยนถ่ายผู้นำ เศรษฐกิจมักจะมีการขยายตัวสูงขึ้น โดยปัจจัยขับเคลื่อนหลัก มาจากการลงทุนของภาครัฐบาล ซึ่งเป็นนโยบายแรกที่ทางการจีนสามารถทำได้ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการเน้นการก่อสร้างสาธารณูปโภค เช่น การสร้างรถไฟทั่วประเทศ ส่งผลให้ความเจริญทางเศรษฐกิจจีนขยายไปทางตะวันตกมากขึ้น ทำให้รายได้ของประชาชนสูงขึ้น และการจับจ่ายใช้สอยสูงขึ้นเช่นกัน

นอกจากนี้ คาดว่าภาคการเงินของจีนก็มีแนวโน้มได้รับการกระตุ้นเช่นเดียวกัน หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อของจีนไม่เป็นปัญหาอย่างเช่นอดีตที่ผ่านมา ทำให้การที่ทางการจีนจะหามาตรการเพื่อผ่อนคลายทางการเงิน เช่น การปรับลด Reserve Requirement Ratio จากปัจจุบันอยู่ที่ 18% ซึ่งยังคงเป็นระดับที่สูงกว่าระดับสูงสุดของปีที่ 17.5% รวมทั้ง ยังคงเป็นระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ในอดีตที่ผ่านมา และเมื่อทางการจีนผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน คาดว่าจะส่งผลให้ปริมาณเงินในระบบ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลดีต่อการลงทุนในตลาดหุ้น

ทั้งนี้จะเห็นได้จาก ตลาดหุ้นจีนได้ปรับตัวขึ้นและเป็นตลาดที่ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา และคาดว่าตลาดหุ้นจีนยังคงมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เนื่องจากปัจจุบันมีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นจีนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งราคาหุ้นจีน ยังคงถือว่าถูกเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มกำลังพัฒนาด้วยกัน ทั้ง ๆ ที่ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ดังนั้น คาดว่าตลาดหุ้นจีนยังคงเป็นเป้าหมายต้น ๆ สำหรับการลงทุนของนักลงทุนในปีนี้

ทิสโก้เวลธ์ แนะนำการลงทุนในตลาดหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (H-Shares) มากกว่าการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ (A-Shares) เนื่องจาก ตลาดหุ้น H-Shares จะได้ประโยชน์จากสภาพคล่องที่ล้นระบบมากกว่ากว่า A-Shares เนื่องจากการที่นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนทำได้ง่ายกว่า ส่งผลให้ ในปี 2555 ที่ผ่านมา ตลาด H-Shares จึง Outperform ตลาด A-Shares นอกจากนี้ ตลาดหุ้น H-Shares เป็นตลาดที่มีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นต่างประเทศสูงกว่า ทำให้ ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกได้ดีกว่า A-Shares


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ