ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 308.41 จุดรับสหรัฐรอดหน้าผาการคลัง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 3, 2013 06:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ม.ค.) ซึ่งเป็นวันทำการแรกของปีพ.ศ.2556 เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาด้านเศรษฐกิจและการคลังของสหรัฐ หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff)

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 308.41 จุด หรือ 2.35% ปิดที่ 13,412.55 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 36.23 จุด หรือ 2.54% ปิดที่ 1,462.42 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 92.75 จุด หรือ 3.07% ปิดที่ 3,112.26 จุด

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ มีมติด้วยคะแนนเสียง 257 ต่อ 167 ผ่านร่างกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลังเมื่อวานนี้ตามเวลาไทย หลังจากที่พรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตสามารถประนีประนอมกันได้ในรายละเอียดเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าว

การลงมติดังกล่าวของสภาผู้แทนราษฎรมีขึ้นหลังจากวุฒิสภาสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 89 ต่อ 8 ผ่านร่างกฎหมายหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาทางการคลัง ไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาตามเวลาไทย ทั้งนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวจะป้องกันไม่ให้มีการปรับขึ้นภาษีเงินได้ส่วนบุคคลที่มีรายได้ต่ำกว่า 400,000 ดอลลาร์ และครัวเรือนที่มีรายได้ไม่เกิน 450,000 ดอลลาร์ อีกทั้งยังขยายระยะเวลาการให้สวัสดิการแก่ผู้ว่างงานในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้จะส่งผลให้รัฐบาลกลางสหรัฐมียอดขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นอีกราว 4 ล้านล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 10 ปี เนื่องจากร่างกฎหมายระบุให้มีการขยายระยะเวลาการใช้กฎหมายภาษีพิเศษสำหรับครัวเรือนชาวอเมริกันส่วนใหญ่ที่บังคับใช้ตั้งแต่สมัยของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ซึ่งกฎหมายดังกล่าวจะทำให้รัฐบาลกลางมียอดขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นอีกราว 3.6 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้แรงหนุนหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ขยายตัวสู่ระดับ 50.7 ในเดือนธ.ค. จาก 49.5 ในเดือนพ.ย. ซึ่งตัวเลขที่อยู่สูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐมีการขยายตัวในเดือนที่แล้ว

หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 3.6% และหุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 4.3%

ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 3.2% และหุ้นเฟซบุ๊กทะยานขึ้น 5.2%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ