สัญญาซื้อขายล่วงหน้าของหุ้น (Stock Futures) มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มสูงขึ้นมาก โดยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 36.8% หรือปริมาณการซื้อขายต่อวันเท่ากับ 8,849 สัญญา เทียบกับ 6,468 สัญญาเมื่อปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของตลาดหลักทรัพย์ในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้มีผู้สนใจซื้อขายใน Stock Futures จำนวนมาก สถานะคงค้างของสัญญานี้มีจำนวนสูงถึง 161,970 สัญญา คิดเป็น 59.37% ของสถานะคงค้างโดยรวมที่ 272,810 สัญญา (ข้อมูล ณ วันที่ 27 ธ.ค. 55)
และเพื่อตอบสนองความสนใจของผู้ลงทุนใน Stock Futures ที่เพิ่มขึ้น TFEX อยู่ระหว่างปรับเพิ่มจำนวนถือครองสูงสุด (Position Limit) ของ Stock Futures จากปัจจุบันที่ 20,000 สัญญาสำหรับทุกหุ้นอ้างอิง เป็นที่สัดส่วนประมาณ 1% ของจำนวนหุ้นอ้างอิงที่จำหน่ายได้แล้ว โดยมีจำนวนขั้นต่ำที่ 20,000 สัญญาเช่นเดิม เพื่อให้สะท้อนขนาดของหุ้นอ้างอิงมากยิ่งขึ้น โดยจะได้เริ่มใช้ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมเป็นต้นไป
ทั้งนี้ ช่วงปลายปีที่ผ่านมานี้ TFEX ได้มีการปรับปรุงและพัฒนาสินค้าปัจจุบัน โดยนำความเห็นและความต้องการของผู้ลงทุนมาปรับปรุงสินค้าเดิมให้ดียิ่งขึ้น ได้แก่ SET50 Index Futures ที่เพิ่มสัญญารายเดือนระยะสั้นเข้ามา ทำให้มีสัญญาเพิ่มขึ้นอีก 2 สัญญา โดยหมดอายุในเดือนใกล้ๆ 3 เดือนและรายไตรมาสอีก 3 เดือน สัญญาโฉมใหม่นี้น่าจะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของดัชนีหุ้นได้มากยิ่งขึ้น
และเพื่อส่งเสริมการใช้งานในสัญญา SET50 Futures รายเดือนนี้ TFEX ประกาศการลดค่าธรรมเนียมการซื้อขายของ SET50 Futures ลงเป็น 10 บาทจาก 50 บาท โดยจะลดเฉพาะสัญญาที่สิ้นสุดรายเดือนได้แก่ เดือนมกราคม (S50F13) สัญญาเดือนกุมภาพันธ์ (S50G13) สัญญาเดือนเมษายน (S50J13) และสัญญาเดือนพฤษภาคม (S50K13) จาก 50 บาทต่อสัญญาเป็น 10 บาทต่อสัญญา เป็นที่คาดว่าสัญญาที่สิ้นสุดรายเดือนนี้จะเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในปี 2556
นอกจากนั้น ยังมีการปรับปรุงสัญญา SET50 Options เพื่อลดความซับซ้อนลง กล่าวคือ การปรับเพิ่มสัญญารายเดือนและปรับลดสัญญาสิ้นสุดเดือนไกล พร้อมการปรับช่วงห่างของราคาใช้สิทธิจากเดิมห่างกันที่ 10 จุด เป็น 25 จุด ทำให้แต่ละช่วงอายุจะมีจำนวนสัญญาน้อยลงแต่ยังครอบคลุมการเคลื่อนไหวของดัชนีได้เช่นเดิม และ Stock Futures ที่มีการปรับแนวทางการคำนวณราคาที่ใช้ชำระราคาครั้งสุดท้ายของเป็นราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก เพื่อให้ราคาที่ใช้ชำระราคาสะท้อนการเคลื่อนไหวของหุ้นอ้างอิงมากยิ่งขึ้น
สำหรับสินค้าใหม่ที่มีการเปิดตัวในปี 55 ได้แก่ USD Futures หรือ ดอลลาร์ล่วงหน้า เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถป้องกันความเสี่ยงจากการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีปริมาณการซื้อขายต่อวันเท่ากับ 2,751 สัญญา และได้เปิดตัว Sector Futures ที่อ้างอิงดัชนีหมวดธุรกิจ 5 หมวด ได้แก่ Bank Futures, ICT Futures, ENERG Futures, Food Futures และ COMM Futures ซึ่งช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถบริหารพอร์ตลงทุนและสร้างผลตอบแทนตามหมวดธุรกิจสำคัญๆ ของไทยได้อย่างสะดวก และใช้เงินทุนน้อย โดยปริมาณการซื้อขายยังอยู่ในระดับต่ำเนื่องจากเพิ่งเริ่มการซื้อขายเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
TFEX ยังได้ปรับเปลี่ยนโลโก้และชื่อบริษัทจาก บมจ. ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) เป็น บมจ. ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 56 เป็นต้นไป แต่ชื่อภาษาอังกฤษจะยังคงให้ชื่อ Thailand Futures Exchange หรือ TFEX เช่นเดิม