ทั้งนี้ หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 23 จุด หรือ 0.2% แตะที่ 13389 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 2 จุด หรือ 0.2% แตะที่ 1461 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 6 จุด หรือ 0.2% แตะที่ 3106 จุด
ดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลงหลังจากที่พุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อวานนี้ ภายหลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลด้านแรงงานที่ผันผวนในสหรัฐ โดยADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 215,000 รายในเดือนธ.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 130,000 ราย
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ธ.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 372,000 ราย ส่วนจำนวนผู้รับสวัสดิการว่างงานติดต่อกันโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความผันผวนของยอดขายของห้างค้าปลีกในสหรัฐ โดยหุ้นโคห์ล ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายหนึ่งของสหรัฐ ร่วงลง 1.1% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 4 และผลประกอบการตลอดปี 2555
นอกเหนือจากข้อมูลแรงงานที่ผันผวนแล้ว ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่ากฎหมายงบประมาณไม่เพียงพอที่จะรับมือกับภาวะขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐ โดยภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ มีมติด้วยคะแนนเสียง 257 ต่อ 167 ผ่านร่างกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลังเมื่อวานนี้ตามเวลาไทย หลังจากที่พรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตสามารถประนีประนอมกันได้ในรายละเอียดเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าว และในวันนี้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายงบประมาณฉบับดังกล่าวแล้ว นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค.ในวันพรุ่งนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 150,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. และอัตราการว่างงานเดือนธ.ค.จะทรงตัวอยู่ที่ 7.7%