"วิชัย ทองแตง"เปิดฉากดัน บมจ.เคเบิลไทย โฮลดิ้ง(CTH)เดินเกมรุกก้าวสู่ตลาด AEC ภายใน 3 ปี หลังคาดเซ็นสัญญาพันธมิตรปลายเดือน ม.ค.หรืออย่างช้าต้นเดือน ก.พ.นี้ จับมือถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษที่เป็นหัวหอกสำคัญของธุรกิจเคเบิ้ลทีวี 120 ช่อง ตั้งเป้าขยายฐานผู้ชมอีกเท่าตัวทั่วประเทศ เตรียมพร้อมบุกตลาดต่างประเทศ ทั้งลาว กัมพูชา พม่า และมาเลเซีย เล็งร่วมมือพันธมิตรท้องถิ่น หวังสร้างเป็นอาเซียนเน็ตเวิร์ค สร้างความแข็งแกร่งของรายได้แต่งตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 58-59 หลังคาดผลประกอบการจะเริ่มพลิกเป็นกำไรได้ตั้งแต่ปีนี้
"เราต้องทำภายในประเทศให้เสร็จก่อนและมั่นใจว่าเข้มแข็ง ถ้าพวกเราเข้มแข็งแล้วเราก้าวข้ามไปต่างประเทศไม่ยาก ในปี 58 แทนที่เราจะอยู่ในเกมรับเราต้องก้าวเข้าไปเกมรุก"นายวิชัย ทองแตง ประธานกรรมการ CTH กล่าวให้สัมภาษณ์กับ"อินโฟเควสท์"ก่อนที่จะมีการเซ็นสัญญากู้เงินก้อนใหญ่กว่า 1.4 หมื่นล้านบาท จากธนาคารกรุงเทพ(BBL)ในสัปดาห์หน้า
อนึ่ง CTH เป็นผู้ให้บริการและบริหารช่องทางการสื่อสารผ่านโครงข่ายใยแก้วนำแสงที่นำเสนอหลากหลายรูปแบบของผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้องกับสัญญาณข้อมูลดิจิตอล เช่น เคเบิลทีวี อินเตอร์เน็ต บรอดแบนด์ และยังให้อิสระในการเลือกใช้ เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าบุคคลและกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ซึ่งล่าสุดสร้างความตื่นตะลึงด้วยการทุ่มเงินกว่าหมื่นล้านบาทกระชากลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจากทรูวิชั่นส์ที่เคยเป็นผู้ถือครองสิทธิมายาวนาน
นายวิชัย กล่าวว่า ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก ถือเป็นหัวใจของคอนเทนท์ที่จะช่วยจูงใจการขยายฐานผู้ชมให้เพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว จากผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่น 350 รายที่จะร่วมลงนามกับ CTH ในการเชื่อต่อโครงข่ายใหม่ภายในสิ้นปีนี้ มีฐานผู้ชม 3.5 ล้านครัวเรือน หรือประมาณ 13 ล้านคน โดยทั้งหมดจะเปลี่ยนมาใช้กล่อง Set top box ในการเชื่อมต่อระบบการรับสัญญาณทั้งลูกค้ารายเดิมและลูกค้ารายใหม่
ขณะที่ CTH อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรหลายรายที่สนใจจะเข้ามาร่วมมือการถ่ายทอดสด แต่คงจะมีข้อมีสรุปภายหลังการตกลงเงื่อนไขและเซ็นสัญญากับทางพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ(EPL)ในเดือน ม.ค.56 ก่อน จึงคาดว่าช่วงปลายเดือน ม.ค.56 หรืออย่างช้าต้นเดือน ก.พ.56 น่าจะมีข้อสรุปว่าจะมีพันธมิตรรายใดบ้างที่จะเข้ามาร่วมมือด้วย
"การเจรจาพันธมิตรร่วมถ่ายทอดบอลพรีเมียร์ลีก กับแกรมมี่ และอาร์เอส ทุกเจ้ามาคุยแล้ว เราเปิดกว้างขึ้นกับเงื่อนไขการเจรจา และเงื่อนที่ EPL กำหนด ซึ่งจะกำหนดให้ทราบในเดือน ม.ค.56 เจรจาอะไรก็แล้วแต่ต้องไม่ขัดกับเงื่อนไข EPL ใครที่ทำดาวเทียมมาคุยหมด ความจริงธันวาฯ นี้ก็สรุปได้แล้ว แต่สรุปแบบเอ็มโอยู ต้องเซ็นสัญญากับ EPL ก่อน"นายวิชัย กล่าว
พร้อมกันนั้น CTH ยังวางแผนซื้อคอนเท้นท์จากทั้งในและต่างประเทศเข้ามาเพิ่มเติมเพื่อให้มีความหลากหลาย รวมทั้งการ์ตูนและซีรี่ส์ ทั้งจากญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา จีน เกาหลี จากแถบยุโรป หลังจากประเดิมซื้อคอนเท้นท์จากนาวทีวี(NOW TV)ผู้ให้บริการเพย์ทีวีของฮ่องกง 3 ช่อง รวมทั้งยังมีช่องรายการข่าวหลายรายเข้ามาเสนอผ่านแพลตฟอร์มของ CTH ได้แก่ ค่ายไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชน สปริงนิวส์ กรุงเทพธุรกิจ และเนชั่น เป็นต้น
"เราเปิดกว้างอยู่แล้ว และอยู่ระหว่างเจรจา แต่เชื่อว่าคงจะมีมากกว่าหนึ่งราย เพราะเราต้องการความหลากหลาย"นายวิชัย กล่าว
นายวิชัย กล่าวว่า ตามแผนงาน CTH จะเพิ่มช่องรายการจาก 16 ช่องในปัจจุบันเป็น 60 ช่องรายการในก.พ. 56 และจะครบ 120 ช่องภายในปี 56 ขณะที่บริษัทตั้งงบลงทุน 2 หมื่นล้านบาทสำหรับใช้ในการลงทุนวางระบบโครงข่ายและซื้อคอนเท้นท์ในช่วงปี 55-57 โดยจะเป็นส่วนของงบลงทุนในการวางระบบประมาณ 7-8 พันล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 56 ซึ่งแหล่งเงินทุนจะมาจากเงินกู้สถาบันการเงิน คาดว่างวดแรกส่วนใหญ่จะใช้เพื่อจ่ายค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ
ทั้งนี้ CTH ตั้งเป้าภายในปี 58 หรืออีก 3 ปีจะขยายฐานผู้ชมเพิ่มเท่าตัวขึ้นสู่ระดับ 7 ล้านครัวเรือนกระจายทั่วประเทศ จากปัจจุบันที่เครือข่ายเคเบิ้ลทีวีในเครือมีจำนวนผู้ชม 3.5 ล้านครัวเรือน หลังวางโครงข่ายดิจิตอลบรอดแบนด์ทั่วประเทศเสร็จในกลางปีนี้ โดยมั่นใจว่าจะเริ่มเห็นกำไรในปี 56 หลังขาดทุนมากว่า 2 ปี พร้อมเร่งตัวสร้างฐานธุรกิจให้แข็งแกร่งก่อนผลักดันเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
นายวิชัย กล่าวว่า จากการที่มีการจับมือร่วมกับผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่น และร่วมใช้โครงข่ายเชื่อมต่อเป็นแพลตฟอร์มเดียวกัน จะทำให้ทุกรายมีความแข็งแกร่ง และเมื่อนโนบายรัฐผลักดันให้ประเทศเปลี่ยนเป็นระบบดิจิตอล ยิ่งทำให้การรวมตัวกันเข้มแข็งและสามารถรับกับการแข่งขันของทุนต่างชาติที่คาดว่าจะเข้ามามากหลังเปิด AEC
"มองแนวโน้มธุรกิจเคเบิลทีวีนี้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน และผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่นแต่ละรายก็ยังเป็นผู้บริหารบริษัทตัวเองเหมือนเดิม เพียงแต่เราหาคอนเท้นท์มาแบ่งกัน เรามีโครงข่ายที่ครอบคลุม 77 จังหวัด 900 อำเภอ"นายวิชัย กล่าว
CTH มีเป้าหมายเป็นเครือข่ายเคเบิลทีวีที่ใหญ่ที่สุดในไทย และมีแผนขยายธุรกิจไปในต่างประเทศโดยเฉพาะในอาเซียน ที่เมื่อเปิด AEC จะทำให้ตลาดคึกคักมากยิ่งขึ้น เบื้องต้นจะรุกตลาดลาว กัมพูชา พม่า และ มาเลเซีย เพื่อสร้างเครือข่ายเป็นอาเซียนเน็ทเวิร์ค
เริ่มจากการขยายลิขสิทธิถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในลาวและกัมพูชา โดย CTH ได้มี 2 แนวทางคือให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นซื้อคอนเท้นท์ หรือร่วมพัฒนาแพลตฟอร์มกับผู้ประกอบการท้องถิ่นแล้วนำเอาคอนเท้นท์พรีเมียร์ลีกไปถ่ายทอด ซึ่งขณะนี้ได้เจรจากันแล้ว ขณะเดียวที่ตลาดในเวียดนามและพม่ามองเห็นโอกาสเติบโตสูงเพราะมีจำนวนประชาการมาก บริษัทได้ศึกษาตลาด ยังไม่ได้เข้าเจรจากับผู้ประกอบการท้องถิ่น
นายวิชัย กล่าวอีกว่า ตามแผนงานบริษัทจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ราวปี 58 หรืออย่างช้าในปี 59 เพื่อสร้างฐานทุนที่แข็งแรงก่อนจะขยายไปต่างประเทศ แม้ผลดำเนินงานช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจะมีผลขาดทุนสะสมหลายร้อยล้านบาท และในปี 55 ก็ยังน่าจะขาดทุนประมาณกว่า 100 ล้านบาทก็ตาม แต่มั่นใจว่าในปี 56 จะเริ่มทำกำไรได้และจะมีกำไรต่อเนื่องต่อไป หลังจากวางระบบและขยายช่องรายการครบ 120 ช่อง
“ถ้าทำสำเร็จเราก็เป็นอันดับหนึ่งในประเทศ เป้าหมายของเราคือไม่ต้องการอยู่ในเกมรับ แต่อยากอยู่ในเกมรุกด้วย แต่รุกแล้วไปได้แค่ไหนตอนนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นบนกระดาษเท่านั้น แผนเข้าตลาดฯ ก็เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของการระดมทุนให้เรา ต้องมีโมเดล ไม่งั้นพวกเราเพิ่มทุนกันเองก็ตาย ใครจะมีเงินทุนใส่ได้พอ"นายวิชัย กล่าว