ในส่วนของกำไรสุทธิปี 56 คาดว่าจะสูงกว่าปี 55 เพราะปี 55 ในช่วงครึ่งปีแรกมีปัญหากับสต็อกสินค้า ซึ่งต้องเคลียร์สต็อกเก่าทำให้กำไรไม่ค่อยดี แต่ปี 56 จะไม่มีปัญหาเดิมกลับมาอีกแล้ว โดยปี 56 จะพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 5% และอัตรากำไรสุทธิที่ 1-2%
ส่วนในปี 55 รายได้คาดว่าจะต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้โต 10% จากปี 54 ที่ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามภาพรวมอุตสหากรรมไอที อีกทั้งบริษัทไม่เน้นยอดขายแต่จะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 5% และอัตรากำไรสุทธิที่ 1-2% เพราะครึ่งปีแรกอัตรากำไรขั้นต้นลดลงไป และในครึ่งปีหลังฟื้นตัวขึ้นมา ในส่วนของกำไรสุทธิปี 55 น่าจะใกล้เคียงกับปี 54
"ปี 55 ยอดขายไม่โต ซึ่งเป็นไปตามอุตสาหกรรมจากที่เก็งว่าโน้ตบุ๊กจะโตปีละ 20-30% ทุกค่ายจึงออกโน้ตบุ๊กมาเยอะ แต่ปรากฎว่าตลาดโน้ตบุ๊กตก 20% จึงต้องมีการลดราคาทำให้อัตรากำไรขั้นต้นช่วงครึ่งปีแรกตกต่ำกว่า 5% แต่บริษัทก็พยายามประคอง พอไตรมาส 3-4 จึงเน้นขายของให้มีกำไร เป็นเหตุผลที่เราไม่เน้นยอดขายโต แต่ปี 56 เชื่อว่าตลาดจะไม่เฟ้อเพราะทุกค่ายจะไม่ตั้งความหวังสูงแล้ว และปีนี้ตลาดสมาร์ทโฟนยังโตต่อเนื่อง เครื่องแอนด์ดรอยน่าจะโตสุด ขณะที่แท็บเล็ตหลายค่ายจะออกราคาถูก"ผู้บริหาร SYNEX กล่าว
นายสุพันธุ์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทได้รุกตลาดต่างประเทศโดยไปตั้งบริษัทร่วมทุนในประเทศพม่าแล้วที่เมืองย่างกุ้ง โดยบริษัทถือหุ้น 51% ผู้ประกอบการไอทีพม่าถือ 49% ตอนนี้มีสินค้าวางขายแล้วคาดยอดขายปีแรกมีจำนวนหลัก 100 ล้านบาท แต่ในอีก 2 ปี หรือภายในปี 57 ยอดขายน่าจะแตะ 1,000 ล้านบาท โดยจะเน้นตลาดคอนซูมเมอร์
นอกจากนี้ยังมองตลาดกัมพูชา ลาว แต่กัมพูชาจะไปตั้งออฟฟิศเองไม่มีพาร์ทเนอร์ เน้นภาครัฐ ส่วนลาวเป็นการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย