ดัชนี S&P/ASX 200 ขยับลง 6.50 จุด หรือ 0.14% ปิดที่ 4,717.30 จุด และดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดวันนี้ที่ 4,738.10 จุด ลดลง 4.80 จุด
-- ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันปิดอ่อนแรงลงในวันนี้ นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังมีรายงานข่าวว่าศาลจีนได้สั่งปรับบริษัทซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ และบริษัทแอลจี ดิสเพลย์ ฐานร่วมกันกำหนดราคาสินค้า
ดัชนีเวทเต็ดปิดปรับลง 50.90 จุด หรือ 0.66% ที่ระดับ 7,788.09
-- ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไร ท่ามกลางมุมมองที่ว่าตลาดกำลังอยู่ในภาวะร้อนแรงจนเกินไป หลังจากที่ดัชนีนิกเกอิพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 22 เดือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปรับตัวลง 89.10 จุด หรือ 0.83% ปิดที่ 10,599.01 จุด
-- ดัชนีคอมโพสิตตลาดหลักทรัพย์ลาวปิดปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนี LSX Composite Index ปิดบวก 11.20 จุด หรือ 0.91% ที่ 1,243.25 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 7,250 หุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 43 ล้านกีบ (ราว 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ)
-- ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดตลาดวันนี้ขยับขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ตลาดให้ความสนใจกับนโยบายของรัฐบาลจีนภายใต้การนำของนายสี จิ้นผิง
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตบวก 8.37 จุด หรือ 0.37% ปิดที่ 2,285.36 จุด ส่วนดัชนีหุ้นเสิ่นเจิ้นบวก 12.40 จุด หรือ 0.14% ปิดที่ 9,108.47 จุด
-- ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดเกือบทรงตัว เนื่องจากนักลงทุนปลีกตัวนอกตลาด จากวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการที่อ่อนแอของภาคเอกชนในไตรมาส 4 ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ขณะที่เงินวอนอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ (KOSPI) ปิดปรับตัวลง 0.03% หรือ 0.69 จุด แตะที่ 2,011.25 จุด โดยมีปริมาณการซื้อขายปานกลาง 532 ล้านหุ้น มูลค่า 3.94 ล้านล้านวอน (3.71 พันล้านดอลลาร์) โดยมีหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในสัดส่วน 395 ต่อ 392
-- ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้แทบไม่เปลี่ยนแปลง โดยยังอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 19 เดือนซึ่งทำไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และทรัพยากรจีน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีฮั่งเส็งลดลง 1.34 จุด หรือ 0.01% ปิดที่ 23,329.75 จุด หลังจากเคลื่อนไหวระหว่าง 23,254.23-23,402.45 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 8.128 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 1.049 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)