ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าดัชนีตลาดหลักทรัพย์(SET Index)ไว้ที่ 1,475 จุด และคาดว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยจะเริ่มชะลอตัวลดความร้อนแรงลงจากปีที่ผ่านมา และมีความผันผวนมากขึ้น โดยมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศทั้งในสหรัฐ ยูโรโซน จีน และแนวโน้มนโยบายการเงินการคลังของประเทศต่าง ๆ
ปัจจัยเสี่ยงภายในประเทศ ได้แก่ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ว่า จะมีส่วนช่วยผลักดันการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นได้หรือไม่ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดหวังว่าจะเป็นปีของ New Investment cycle ผ่านการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐและเอกชน ซึ่งราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่มีการปรับตัวขึ้นมารับข่าวดังกล่าวบ้าง
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในกองทุนหุ้นของบริษัทในปีนี้ หากเทียบกับระดับ SET Index ในระดับปัจจุบัน ถือว่ามีโอกาสในการปรับตัวขึ้นไม่มากนัก ดังนั้นการเลือกหุ้นเพื่อลงทุนในช่วงต่อจากนี้ไป จะเป็นงานที่ยากและท้าทายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเลือกหุ้นภายหลังจากที่หุ้นมีการปรับตัวมามากพอสมควร การที่จะหาหุ้นที่ถูกมองข้าม และราคายังไม่ค่อยมีการปรับตัวขึ้น นับว่าหาได้ยาก
ดังนั้น จึงจะกำหนดกลยุทธ์ในการลงทุนโดยมีการกำหนดกรอบการคัดสรรหุ้นให้สอดคล้องกับแนวโน้มและทิศทางการลงทุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในระยะ 1-3 ปีข้างหน้า เช่น การเข้าสู่ช่วงวัฎจักรการลงทุนรอบใหม่ของเศรษฐกิจไทย การเดินหน้าผลักดันการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศ ขณะเดียวกันต้องเลือกหุ้นให้สอดรับกับแนวโน้มที่กำลังจะเกิดขึ้น เช่น การขยายตัวของตลาดจากการเปิดเขตการค้าเสรี การเพิ่มปริมาณการท่องเที่ยวของนักลงทุนในภูมิภาค การเคลื่อนย้ายทุน ทรัพยากร และแรงงานที่เปิดกว้างขึ้น
บทบาทของเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนกับเศรษฐกิจโลกที่ทวีความสำคัญ และกำลังเป็นจุดสนใจของนักลงทุนทั่วโลก การเข้าสู่สังคมเมืองของประชากรโลก นโยบายรัฐบาลในหลายประเทศที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนของการบริโภคภายในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาการส่งออก โครงสร้างประชากรไทยที่เข้าสู่สังคมของคนสูงวัย และอิทธิพลของเทคโนโลยีการสื่อสารโซเซียลเน็ตเวิร์ค
กลยุทธ์การเลือกหุ้นสำหรับลงทุนปี 56 คาดว่าหุ้นที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ ได้แก่ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มบรรจุภัณฑ์ กลุ่มอาหาร และกลุ่มธุรกิจประกัน